แตกใบอ่อน : คดี‘เสือดำ’แค่จับตาคงไม่พอ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/323774

807934531

แตกใบอ่อน : คดี‘เสือดำ’แค่จับตาคงไม่พอ

วันพฤหัสบดี ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

“มวยล้มต้มคนดู”

ผมค่อนข้างเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่คงคิดเหมือนกันกับผม คือ ไม่รู้สึกแปลกใจอะไรเลยกับผลสำรวจความคิดเห็น “กรุงเทพโพลล์” มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เรื่อง “ความเห็นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมในการเอาผิดผู้กระทำความผิด” ที่เผยแพร่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 64.2% เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมจะไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำผิดในคดี“ล่าสัตว์ป่า” ของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวก มาลงโทษได้

โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เชื่อว่า กระบวนการยุติธรรมของเรายังมีช่องโหว่และมีถึง 71.7% ที่แทบไม่มีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมว่าจะสามารถเอาคนผิดมาดำเนินคดีได้ หรือพูดง่ายๆ ก็ต้องบอกว่าในสายตาของคนจำนวนไม่น้อย กำลังมองว่ากระบวนการยุติธรรมของเราแทบจะเป็นกระบวนการที่ “ไร้น้ำยา” ในการลากคอผู้กระทำความผิดมาลงโทษ

ยิ่งผู้ต้องหาเป็นเศรษฐี คนมีสตางค์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เพราะคนไทยมักจะต้องเจอกับบทเรียนซ้ำซากในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ต้องไปดูไหนไกล แค่กรณีทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และ บอส-อยู่วิทยา คนไทยก็เต็มกลืนเข้าไปแล้ว

ขณะที่คดีของ “เจ้าสัวเปรมชัย”ตั้งแต่ถูกจับกุมตัวตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนป่านนี้ทะลุเข้าเดือนมีนาคมแล้ว ยังแทบไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งที่เจอหลักฐานทั้งซากสัตว์ป่า เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง อาวุธปืน และเครื่องกระสุนอีกเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้พอตามไปค้นที่บ้านยังเจอปืนยาว-ปืนไรเฟิลอีกกว่า 40 กระบอก กระสุนอีกนับพันนัด ยังไม่นับรวมกับงาช้าง 2 คู่ ที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นงาช้างไทยหรือต่างชาติ

1 เดือนผ่านไปแทบไม่มีอะไรในกอไผ่สำหรับการทำงานของตำรวจ

ร้ายไปกว่านั้นกลุ่มผู้ถูกกล่าวหายังทำท่าจะหลุดไปทีละคดี ตั้งแต่คดีทารุณกรรมสัตว์ ไปจนถึงคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่

และที่แสบยิ่งกว่า ยังมีการสั่งการให้พนักงานสอบสวนไปพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่ที่ร้องทุกข์กล่าวโทษนายเปรมชัย เข้าข่ายมีเจตนากลั่นแกล้ง หรือแจ้งความเท็จหรือไม่

สบายล่ะประเทศไทย!

นี่เรายังไม่ได้พูดถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการเรียกเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า มาสอบปากคำซ้ำแล้วซ้ำเล่าประดุจเป็นผู้ต้องหาเสียเอง ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหากลับโดนสอบกันแค่รอบเดียวเท่านั้น คือ หลังถูกจับกุม ซึ่งป่านนี้ก็ไม่รู้ไปนั่งสบายใจเฉิบอยู่ที่ไหนกันหมดแล้ว

ท้ายนี้ขออนุญาตนำข้อเขียนของ“อ.หม่อง” นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นนักอนุรักษ์ที่ได้รับการยอมรับนับถือจากหลายภาคส่วน ซึ่งอาจารย์ได้เขียนถึงคดี “เสือดำ” เอาไว้ว่า “หากสังคมเราปล่อยให้ผู้ต้องหาคดีนี้ลอยนวลได้จะส่งผลกระทบ ฉุดยั้งให้สังคมไทยเราถดถอย ไม่มีโอกาสเป็นอารยประเทศกับชาวโลกได้เลยจะสร้างจิตวิทยา สิ้นหวัง ให้คนในชาติ ที่เคยอยากเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้ ล้มเลิกความพยายาม และหันมาเอาตัวรอดไปวันๆ ตอกย้ำให้เด็กรุ่นใหม่เชื่อว่า ความดี ความถูกต้อง การเคารพกฎกติการ่วมกัน ไม่มีความหมาย ไม่มีคุณค่าใดๆ เพื่อความอยู่รอดในสังคมไทย เราทุกคนต้องแสวงหาความร่ำรวย และ connection เท่านั้น”

และนี่จึงเป็นเหตุผลว่า ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นแค่ “มวยล้มต้มคนดู” ก็จำเป็นแล้วล่ะครับที่เราทุกคนสมควรต้องทำอะไรที่มากกว่าการ “จับตา”

มะลิลา

Leave a comment