ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/311845

ภูมิบ้าน ภูมอเมือง : ‘สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี’ ๒๕๐ปีปฐมราชวงศ์กรุงธนบุรี
พระยาตากนำไพร่พลกู้้แผ่นดิน
ก่อนสิ้นปีทุกปีนั้นมีวันสำคัญที่คนไทยระลึกถึงเป็นอย่างมากคือวันที่ ๒๘ ธันวาคม เป็นวันสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปีนี้ครบวาระ ๒๕๐ ปี แห่งวันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีขึ้นเป็นกษัตริย์ราชวงศ์กรุงธนบุรีพระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗ เดิมนั้นมีพระนามเดิมว่า “สิน” เล่ากันว่ามีพระบิดาเป็นพ่อค้าชาวจีนแต้จิ๋ว นามว่า “นายไหฮอง แซ่แต้” พระมารดา เป็นหญิงไทยนามว่า “นกเอี้ยง” ชาติกำเนิดนั้นด้วยเหตุที่ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงมีการสันนิษฐานกันหลายความพระราชประวัติของพระองค์นอกจากปรากฏในเรื่องอภินิหารบรรพบุรุษแล้วมีความเล่าไว้ว่าวัยเยาว์ พระยาจักรีได้รับเด็กชายสินเป็นบุตรบุญธรรม และนำไปฝากให้เรียนหนังสือกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส (วัดคลัง) ทรงศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน เมื่อเล่าเรียนจบแล้วพระยาจักรีได้พาเด็กชายสินเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ด้วยความเฉลียวฉลาด รอบรู้ และพูดได้ถึงสามภาษา พระองค์จึงได้โปรดเกล้าฯให้เป็นมหาดเล็กรายงานราชการทั้งหลายในกรมมหาดไทยและกรมวังศาลหลวงเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จสวรรคต ในพ.ศ.๒๓๐๑ นั้น สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ขึ้นครองราชย์ต่อได้เพียง ๓ เดือนเศษ ได้ถวายราชสมบัติให้สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์โปรดเกล้าฯให้นายสินมหาดเล็กรายงาน เชิญท้องตราราชสีห์ขึ้นไปชำระความหัวเมืองฝ่ายเหนือ นายสินมหาดเล็กสร้างผลงานได้รับความดีความชอบ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายสินมหาดเล็กรายงานเป็นหลวงยกบัตรเมืองตาก จนกระทั่งพระยาตาก เจ้าเมืองคนเดิมถึงแก่กรรม หลวงยกบัตรเมืองตากจึงได้เลื่อนเป็นพระยาตากแทนจึงเรียกรู้กันในนามพระยาตากสินต่อมา
คราวพม่ายกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยาทางตอนใต้เมื่อปี พ.ศ.๒๓๐๗ โดยมังมหานรธาเป็นแม่ทัพ พระยาตาก (สิน)ได้ยกทัพไปช่วยรักษาเมืองเพชรบุรีและตีทัพพม่าถอยกลับไปต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๓๐๘ พม่าได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง พระยาตากก็สามารถช่วยรักษาพระนครไว้ได้อีก ความดีความชอบนี้ ทำให้สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์โปรดเกล้าฯแต่งตั้งพระยาตากเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชรโดยยังไม่ได้ครองเมืองกำแพงเพชรก็ปรากฏว่าพม่าได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง พระยาวชิรปราการจึงต้องเข้ากรุงศรีอยุธยาเพื่อช่วยป้องกันพระนคร ระหว่างทำการสู้รบอยู่นั้นพระยาวชิรปราการเกิดท้อแท้ใจที่แม้จะตีค่ายพม่าได้กลับถูกขัดขวางไม่มีกำลังไปหนุน ทำให้พม่ายึดค่ายกลับคืนได้อีกทั้งเห็นว่า ทัพพม่ามีกำลังมากกว่าหากออกไปรบคงพ่ายแพ้อย่างหมดทางสู้ประกอบกับตนถูกภาคทัณฑ์ที่ยิงปืนใหญ่ใส่ทัพพม่าโดยไม่ได้ขออนุญาตจากศาลาลูกขุนไว้ด้วย พระยาวชิรปราการจึงเห็นว่าคงไม่จะอยู่ป้องกันพระนครได้ยากและเชื่อว่ากรุงศรีอยุธยาคงจะต้องเสียกรุงในไม่ช้าจึงนำไพร่พลจำนวนมาก (๕๐๐ นั้นหมายถึงจำนวนนับไม่ได้มากกว่าระบุจำนวนคน) ตีหักด่านวงล้อมพม่าออกจากค่ายพิชัยไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และเข้ายึดเมืองระยองได้สำเร็จและรวบรวมผู้คนจนไพร่พลยกย่องพระยาวชิรปราการเป็น “ขุนหลวงตาก” (ขุนหลวงเป็นคำเรียกเจ้า) หลังจากนั้นขุนหลวงตาก ได้วางแผนจะเข้ายึดเมืองจันทบูรสั่งให้ไพร่พลทำลายหม้อข้าวให้หมด เพื่อปลุกขวัญกำลังให้สู้ตีเมืองจันทบูรให้แตกโดยหวังเสบียงข้างหน้าในเมืองในที่สุดทัพขุนหลวงตากสามารถตีเมืองจันทบูรได้ เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๑๐
ต่อมาจึงมีผู้คนเข้าร่วมเป็นไพร่พลอยู่กับขุนหลวงตากจำนวนมากจนสามารถรวบรวมเสบียงและกำลังคนได้ราว ๕,๐๐๐ คน ในเวลา ๓ เดือน แล้วนำทัพเรือล่องมาจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยาและยึดเมืองธนบุรีจากพม่าได้สำเร็จ จากนั้นพระองค์ได้ยกทัพเรือเข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้นแล้วขับไล่ข้าศึกออกไปจากราชอาณาจักรโดยสามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จภายในเวลา ๗ เดือน นับตั้งแต่เสียกรุงเมื่อปีพ.ศ.๒๓๑๐ หลังจากนั้นพระองค์ได้ตั้งราชธานีใหม่ที่เมืองธนบุรีศรีสมุทร ซึ่งเดิมเป็นเมืองด่านขนอนและปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๑๐ ในขณะพระชนมายุ ๓๔ พรรษา ทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔ พระองค์ได้ทำการปราบปรามชุมนุมหรือก๊กต่างๆ จนรวบรวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน และฟื้นฟูบ้านเมืองขึ้นใหม่จากความเสียหายของกรุงศรีอยุธยาอันเป็นคุณูปการที่หาได้ยากยิ่ง สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงครองราชย์ได้ ๑๕ ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๓๒๕ สิริพระชนมายุ ๔๘ พรรษา นับเป็นวีรกษัตริย์องค์สำคัญที่กอบกู้แผ่นดินและสถาปนาราชวงศ์กรุงธนบุรีหนึ่งเดียวขึ้น