ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/lady/312563

‘รศ.ดร.อาชัญญา รัตนอุบล’ ผู้หญิงไทยคนแรกที่คว้ารางวัล International Adult and Continuing Education
เป็นผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในแวดวงการศึกษาไทยมาอย่างยาวนาน สำหรับรศ.ดร.อาชัญญา รัตนอุบล หรือ อาจารย์อาร์ตหัวหน้าภาควิชาการศึกษาตลอดชีวิต คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ซึ่งได้รับรางวัล International Adult and Continuing Education ณ ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นเพียงผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้ ล่าสุดรายการ “แนวหน้าวาไรตี้” ที่ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2ช่อง 784 ดำเนินรายการโดย “ดร.เฉลิมชัยยอดมาลัย” ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.อาชัญญา มาบอกเล่าเรื่องราวการทำงาน และปัญหาอนาคตของการศึกษาไทยผ่านในรายการ
รศ.ดร.อาชัญญา รัตนอุบล หรืออาจารย์อาร์ตเล่าว่า “รางวัล International Adult and Continuing Education รางวัลนี้มอบให้ผู้ที่ทำประโยชน์ด้านการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต ให้กับคนทุกช่วงวัยจะเน้นทางด้านการศึกษาผู้ใหญ่ ตลอดจนการสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา 30 ปี ในการทำงานรางวัลนี้ที่ได้รับเราถือเป็นคนที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากท่าน ดร.โกวิท วรพิพัฒน์ และเป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลนี้
ส่วนการตัดสินรางวัล มีหลักเกณฑ์สำคัญที่เขามองงานของเราว่ามีอิมแพ็คต่อสังคม เรามีอิมแพ็คต่อประชาคมชาวจุฬาลงกรณ์มากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นงานที่เราทำนอกจากเราจะสอนหนังสือเหมือนอาจารย์ทั่วไปแล้ว เราก็ยังมีการจัดกิจกรรมที่ทำให้คนอื่นเข้ามาร่วมเรียนรู้กับเรา ปีนี้เราก็เน้นเกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ เรื่องที่เราจัดก็จะสอดคล้องกับสภาวการณ์ สิ่งที่เราพยายามคิดไปมากกว่านั้นคือจะทำอย่างไรให้คนเจเนอเรชั่นต่างๆ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันและเรียนรู้ระหว่างกัน การเรียนรู้ตลอดชีวิตเราต้องอยู่ด้วยกันทั้งหลายกลุ่ม หลายเพศ หลายวัย งานกิจกรรมที่เราจัดร่วมกับนิสิต เราก็พานิสิตออกไปนอกพื้นที่ทำงานร่วมกับคนในพื้นที่จริงๆ นิสิตเองก็ได้โอกาสที่ดี ขณะเดียวกันสังคมก็ได้รับประโยชน์จากตัวนิสิตเองเช่นกัน”
เมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานในแวดวงการศึกษา อาจารย์อาร์ต เล่าต่อว่า “งานที่ทำหลักๆ ก็เริ่มต้นการทำงานที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้มีการทำชุดการเรียน ทำเอกสารการสอนให้กับผู้ใหญ่ ในสาขาวิชาการศึกษานอกระบบโรงเรียน รวมไปถึงการที่เราไปสอนคนที่อยู่ในคุก เราก็ได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายทอดความรู้ตรงส่วนนี้หลักจากนั้นเมื่อมาอยู่ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ทำงานทางด้านการสอนเป็นหลัก สอนทั้งปริญญาตรีปริญญาโท แล้วก็ปริญญาเอก รวมไปถึงการจัดฝึกอบรมต่างๆ ให้กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่เป็นประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในองค์กร หรือว่าคนที่ทำงานในเชิงพื้นที่ และจำเป็นต้องมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ถ้าเรามองกันตรงไปตรงมา การศึกษาของเราตัดรูปแบบออก เป็นการศึกษาในระบบ นอกระบบ อัธยาศัย แยกออกจากกัน ที่จริงแล้วเราต้องมองการศึกษาทั้งหมดทั้ง 3 รูปแบบนี้ให้มันทำงานไปด้วยกันเป็นกระบวนการ เพราะว่าคนเราจะมาบอกว่า วันนี้เราจะเรียนในระบบ อีกวันจะเรียนนอกระบบ คงลำบากแต่ ใน 1 วันเราสามารถเรียนได้หลายๆ รูปแบบภายในวันเดียว ความต่อเนื่องทางส่วนนี้ของประเทศไทยยังไม่ชัด ที่จะมองเห็นว่าการศึกษาแต่ละรูปแบบจะเอื้อกันอย่างไร หลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือประเทศทางยุโรป การศึกษานอกระบบสามารถเทียบเคียงได้กับการศึกษาในระบบ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน หรืออยู่ในมหาวิทยาลัย เราสามารถเรียนรู้ขณะที่เราทำงานได้ด้วย เราสามารถเอาหน่วยกิต ประสบการณ์ทางด้านการทำงานมาเทียบโอนมาเป็นการศึกษาในระบบได้ ซึ่งการศึกษาบ้านเรามีพร้อม แต่กลับแยกส่วนแล้วไม่เป็นเนื้อเดียวกัน โดยเฉพาะบริบทของชีวิตคน ประสบการณ์การทำงานสามารถมีมากกว่าใบปริญญา ไม่ใช่เรียนแค่ห้องเรียนแล้วจบ การศึกษาต้องต่อเนื่องตลอดชีวิตไม่มีสิ้นสุด ไม่ได้หยุดอยู่แค่ห้องเรียน
ทัศนคติ หรือ เจตคติของคน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไงก็ตามเพื่อให้คนรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเรียนรู้มีประโยชน์กับเขาอย่างแท้จริง ได้ประโยชน์จากสิ่งที่เขาเรียน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเรียนไปแล้วไปทำอะไร ขอให้แค่จบไปก่อน เอาปริญญาไปก่อน 1 ใบ จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาเรียนต้องมีความหมายกับเขา แล้วทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาเรียน เอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงกับตัวเขาเอง กับครอบครัว สังคม นี่ค่ะคือ สิ่งเริ่มต้นที่จะทำอย่างไรให้เขารู้จักตัวเองได้เร็วที่สุด
สำหรับอนาคตเราก็อยากเห็นสังคมบ้านเราเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ เพราะฉะนั้นก็คงไม่ใช่เพียงแค่ภาคการศึกษาตลอดชีวิต แต่องค์ประกอบของสังคมทั้งหมดเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราอยู่ตรงไหน เราต้องเรียนรู้ได้ เราเรียนรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว เราอาจจะคิดว่าปัจจุบันเด็กอาจจะเรียนรู้จากอินเตอร์เนต สมัยก่อนเราอาจคิดว่าการเรียนรู้ คือการอ่านออก เขียนได้ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่เพียงพอแล้ว ขณะเดียวกันเราต้องวินิจฉัย ตัดสินใจที่จะเชื่อข้อมูลเหล่านั้นได้มากน้อยแค่ไหนเราต้องมีวิจารณญาณ บุคคลทุกคนในสังคมก็สามารถเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้ค่อยๆ ดีขึ้นคิดว่าอนาคตคนก็จะให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อมวลชนเป็นองค์ประกอบสำคัญในอนาคตเลยว่าจะต้องไปด้วยกัน ต้องจับมือกันไปด้วยกัน ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะดำเนินไปด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องไปด้วยกัน อายุเท่าไรก็เรียนรู้ได้ ไม่มีวันสิ้นสุด
พบเรื่องราวดีๆ ที่ครบครันแบบนี้ได้ในรายการ “แนวหน้าวาไรตี้” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN2 (และช่อง 784 ทางดิจิทัลทีวี) หรือ True Visions 8ชมรายการย้อนหลังได้ที่ youtube ผู้หญิงแนวหน้าbyคุณแหน
