เปิดมุมมองชีวิต ‘โจ-อานันทเดชน์’กับบทบาทความเป็นพ่อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/313957

เปิดมุมมองชีวิต ‘โจ-อานันทเดชน์’กับบทบาทความเป็นพ่อ

เปิดมุมมองชีวิต ‘โจ-อานันทเดชน์’กับบทบาทความเป็นพ่อ

วันเสาร์ ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

อนันทเดชน์ อมาตยกุล และพิธีกรรายการ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย

เป็นอีกหนึ่งเซเลบฯหนุ่มนักธุรกิจอสังหา-ริมทรัพย์ที่ถูกจับตามองและกล่าวขานถึง โจ-อานันทเดชน์ อมาตยกุล กับความมีน้ำใจที่เปิดอพาร์ทเม้นท์ของตัวเองรองรับประชาชนทั่วไปที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เข้าพักฟรี เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล รายการ “แนวหน้าวาไรตี้” ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น.ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 ดำเนินรายการโดย ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย เปิดมุมมองของชีวิตของเขากับบทบาทความเป็นพ่อ พร้อมแนวคิดการแก้ปัญหาเด็กวัยรุ่นในสังคม

โจ-อานันทเดชน์ อมาตยกุล เล่าว่า “การที่ ผมเปิดอพาร์ทเม้นท์ของตัวเองให้บุคคลทั่วไปได้เข้าพักฟรีทั้งหมดก็ทำเพื่อในหลวง รัชกาลที่ 9 ครับ คือตอนนั้นผมตระหนักว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงทำอะไรมากมายหลายอย่างให้กับคนไทยเรา สำหรับคนที่ตั้งใจมาถวายความจงรักภักดีเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็อยากทำอะไรสักอย่าง คือพวกเรามีหัวใจดวงเดียวกัน ไม่มีใครมาขอให้ผมทำ ทุกอย่างผมตัดสินใจทำเอง ตอนนั้นก็เปิดให้พักฟรีร่วมเดือน

ในตอนนั้นสำหรับคนที่ต้องการเข้าพัก ให้เข้าพักได้ 2 คืน เราก็มีเงื่อนไขนิดหน่อย เช่น โชว์บัตรประชาชน นำผ้าเช็ดตัวมาเอง และก็ทำความสะอาดห้องน้ำให้สักหน่อย แต่ก็ต้องเรียนว่า เราก็ช่วยได้จำกัดนะครับ เนื่องจากว่าจำนวนที่พักก็มีจำกัด คนที่เดินทางมาตอนนั้นเยอะมาก ที่สมัครเข้ามาเป็นหลักหมื่นการเลือกคนเข้ามาพักก็คล้ายๆ กับสุ่ม เราก็มีดูบ้างถ้าเกิดคนที่สมัครเข้ามามีฐานะดี เราก็ไม่ได้ตอบรับ เพราะจุดประสงค์ในการเปิดห้องให้พักฟรีนั้น สำหรับคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด มีความลำบาก ไม่มีที่พัก เราจะเลือกคนสูงอายุเลือกคนที่มากับเด็กไว้ก่อน

มีเหตุการณ์หนึ่ง คนที่เข้ามาพักเขาก็พยายามจะถามหาเจ้าของที่เปิดให้พัก เพื่อที่เขาต้องการที่จะขอบคุณเรา วันนั้นผมก็เข้าไป เพราะผมไม่ได้เข้าไปดูทุกวัน เราไปเจอ เขาก็เข้ามาจับไม้จับมือให้ศีลให้พรขอบคุณเรา เป็นสิ่งที่ผมประทับใจมาก สิ่งที่ผมทำ อยากทำเพื่อทุกคนและถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระองค์ท่าน เพราะตั้งแต่เกิดมาผมก็เห็นพระองค์ท่านทรงทำงานหนัก และอีกอย่างสิ่งที่ผมได้รับรู้และรับฟังมา ไม่ว่าจะจากเพื่อนหรือญาติๆ ที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ ได้ถวายงาน ก็มาเล่ามาแชร์ให้ฟัง อย่างเช่นพระองค์ท่านทรงทำงานหนักจริงๆ ทรงอดหลับอดนอนซึ่งพระองค์ทรงทุ่มเทมากๆ เพื่อประชาชน ฉะนั้นสำหรับผมแล้วความรู้สึกของผมออกมาจากการรับรู้และรับทราบจริงๆ ไม่ใช่แค่จากในทีวี เพราะผมรับรู้ได้จากบุคคลที่สัมผัสมาแล้วจริงๆ

ซึ่งแน่นอน เสียงวิจารณ์ที่พูดถึงก็มีด้วยเช่นกันเรื่องทุกเรื่องก็จะมีคนที่มองบวกและมองลบครับส่วนใหญ่ก็จะชื่นชมในแง่ที่ว่าผมแบ่งปัน แต่ก็มีบ้างที่พูดถึงในทำนองที่เหมือนกับ เอ๊ะ! ทำดีเอาหน้าหรือเปล่าสร้างภาพ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ซีเรียส ผมคิดว่ามีความสุขที่ได้ทำ

โดยปกติ ผมเป็นคนชอบทำบุญทำกุศลเรื่อยๆ นะครับ แต่อาจจะไม่ได้ให้กับวัดวาอารามเท่าไหร่ผมชอบช่วยในสิ่งที่เราได้เห็นจริง เช่น ผู้ป่วยที่เขาเดือดร้อนจริงๆ ให้ตรงนั้นเลย รักษาเดี๋ยวนั้นเลย แบบนั้นมากกว่า สำหรับคนที่ผมช่วยอยู่บ่อยครั้งก็เป็นผู้ป่วยยากไร้ ป่วยเป็นโรคร้ายแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นต่างด้าว เพราะว่าคนเหล่านี้ไม่มีเงินและไม่มีสวัสดิการอะไรเลย คนส่วนใหญ่ที่ช่วยเหลือผมก็เคยสัมผัสมาบ้าง เป็นลูกน้องเราบ้าง เป็นลูกน้องของเพื่อนเราบ้าง หรือบางทีผมก็ไปตามโรงพยาบาล ก็เห็นเลยว่าคนนี้ป่วยจริง ลำบากจริง ยากจนจริงๆ ส่วนมากผมจะไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ บ่อยสุด บางครั้งก็มีแอบคิดอยากจะตั้งเป็นมูลนิธิหรือกองทุนอยู่เหมือนกัน

“…บางคนอ้างเรื่องฐานะความรวยจน

ต้องหาเงินไม่มีเวลา

จริงๆ ผมว่าฐานะความเป็นพ่อ-แม่

กับเวลามันไม่ใช่เหตุผลที่จะอ้างกันได้นะ…”

นอกจากนี้ โจ-อานันทเดชน์ ยังเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวให้ฟังว่า “ผมเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกมากนะครับ จะงานยุ่งแค่ไหน ก็ต้องได้คุยกันทุกวันได้กอดกันทุกวัน ต้องมีเวลาด้วยกัน ค่อนข้างจะให้ความสำคัญ เพราะผมเชื่อว่าความรักความอบอุ่นในครอบครัว เป็นเกราะคุ้มกันให้กับลูกได้มากทีเดียว ในเรื่องของการศึกษาของลูกๆ ผมอาจจะมองต่างจากเพื่อน มีเพื่อนหลายคนส่งลูกไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเด็ก ผมมีความรู้สึกว่าผมอยากให้ลูกผมมีความเป็นไทย เรียนที่โรงเรียนไทยอยากให้อยู่กับภาษาไทย คืออยากให้ภาษาไทยเขาแข็งแรงและมีความเป็นไทยมากๆ พอถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอย่างตัวผมเองผมก็เคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ก็เคยเห็นเพื่อนที่ไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกนานๆ สุดท้ายแล้วก็ไม่อยากกลับเมืองไทย เพราะเขาเคยชินกับที่โน่นแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ที่โน่น ผมก็เลยคิดว่าคนที่เหมาะที่จะอยู่ต่างประเทศอย่างน้อยก็ต้องเป็นวัยรุ่นขึ้นไปโตแล้วสามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคืออะไร

สำหรับมุมมองต่อวัยรุ่นไทยในสังคมปัจจุบัน ทุกอย่างผมอยากจะพูดว่า 99 เปอร์เซ็นต์ มาจากครอบครัว คือการที่พ่อ-แม่หลายคนไม่ให้เวลากับลูกเท่าที่ควร และไม่พยายามจะทำความเข้าใจ ไม่พยายามที่จะพูดคุยกับเขา บางคนก็อ้างเรื่องฐานะความรวยจน ต้องหาเงิน ไม่มีเวลา จริงๆ ผมว่าฐานะความเป็นพ่อ-แม่กับเวลา มันไม่ใช่เหตุผลที่จะอ้างกันได้นะ คนที่เขาลำบากแต่เขารักลูกมาก เขาคุยกับลูกทุกวัน กอดลูกทุกวันผมก็เห็น

ปัญหาวัยรุ่นไทยในสังคมบ้านเรา จริงๆ มีปัญหามากมายนะครับ เด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่ท้องแล้วก็จะเป็นปัญหาต่อๆ ไปเนื่องจากว่าลูกของเขาจะโตมาในสังคมแบบไม่มีคุณภาพ เพราะพ่อ-แม่ก็ยังไม่พร้อม ส่วนเรื่องของโซเชียลมีเดียในยุคปัจจุบันนี้ผมก็มีความกังวลพอสมควร อย่างลูกผมก็เริ่มที่จะเข้าสู่วัยรุ่นแล้วผมก็ต้องใกล้ชิดเขาให้มากที่สุด ก็คอยดูว่าเขาดูอะไรในโซเชียล คอยให้คำแนะนำในสิ่งที่ถูกต้อง ฉะนั้นผมถึงบอกทุกสิ่งทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ครอบครัว”

พบเรื่องราวดีๆ ที่ครบครันแบบนี้ได้ในรายการ “แนวหน้าวาไรตี้” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN2 (และช่อง 784 ทางดิจิตัลทีวี) หรือTrue Visions 8 ชมรายการย้อนหลังได้ที่ youtube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน

Leave a comment