ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/328186

สต๊อก‘น้ำมันปาล์มดิบ’ส่อล้น กนป.ดันเพิ่มส่งออกป้องกันกระทบเสถียรภาพราคา
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เปิดเผยว่าที่ประชุม กนป. เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา มีมติรับทราบสถานการณ์การผลิตและตลาดปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยในปี 2561 มีผลผลิตปาล์มน้ำมัน 15.18 ล้านตัน เพิ่มจาก 14.24 ล้านตันในปี 2560 หรือ 7% คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 2.67 ล้านตัน และเมื่อรวมกับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในปี 2560 จำนวน 0.48 ล้านตัน ทำให้ปี 2561 มีน้ำมันปาล์มดิบ 3.15 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศคาดว่าจะอยู่ที่ 2.34 ล้านตัน ทำให้มีสต๊อกส่วนเกิน 0.82 ล้านตัน สูงกว่าระดับที่เหมาะสมซึ่งกำหนดไว้ที่ 0.25 ล้านตัน ถึง 0.56 ล้านตัน ดังนั้นเพื่อให้ปริมาณสต๊อกอยู่ในระดับที่เหมาะสมและราคามีเสถียรภาพ จึงต้องผลักดันส่งออกอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยเดือนละ 46,600 ตัน ขณะที่ราคาปาล์มน้ำมันพบว่า ราคาผลปาล์มน้ำมัน อัตราน้ำมัน 18% เฉลี่ย กก.ละ 4.00 บาท และราคาน้ำมันปาล์มดิบ เฉลี่ย กก.ละ 21.25 บาท
สำหรับการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ตามมติ กนป. ให้ลดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ผลการดำเนินงานเดือนธันวาคม 2560 สามารถส่งออกได้ 88,304 ตัน ส่วนเดือนมกราคม 2561 ส่งออกได้ 86,432 ตัน และจากการรายงานจากผู้ประกอบการส่งออก คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมจะมีการส่งออกได้ 66,000 ตัน และ 39,000 ตันตามลำดับ ขณะที่การใช้น้ำมันปาล์มดิบไปผลิตเป็น
ไบโอดีเซลเพื่อสต๊อกนั้น จากการประสานงานกับผู้ค้าน้ำมันพบว่า สามารถจัดเก็บน้ำมันปาล์มดิบได้สูงสุด 60,256 ตัน ซึ่งข้อมูล
ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ สามารถจัดเก็บได้รวมทั้งสิ้น 54,169 ตัน หรือประมาณ 90% ของความสามารถที่จัดเก็บได้ ส่วนที่ยังไม่ครบนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการจัดเก็บต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกันหารือแนวทางในการบริหารจัดการสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเพื่อให้ปริมาณการผลิตและการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศเกิดดุลยภาพและราคามีเสถียรภาพ รวมถึงการกำหนดโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมทั้งระบบ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการหาแนวทางความร่วมมือในการรณรงค์การใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศ และส่งเสริมการผลิตปาล์มคุณภาพตามมาตรฐานสากล (RSPO) ตลอดจนการรณรงค์ให้เกษตรกรตัดปาล์มสุกเพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน ยกระดับราคาปาล์มน้ำมันในประเทศให้สูงขึ้น