ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/333281

ความบันเทิงรีรัน…เจาะปรากฏการณ์ LINE TV แหล่งดูทีวีย้อนหลังอันดับ 1!!
ตีตลาดบันเทิงได้เข้าเป้า เมื่อ LINE TV คว้าเอาตำแหน่งแพลตฟอร์มดูทีวีย้อนหลังอันดับ 1 ของไทย มาเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ ว่าแต่ธุรกิจบันเทิงนี้มีที่มา และคาดหวังการต่อยอดอย่างไร ใครคือผู้ขับเคลื่อนคนสำคัญ วันนี้ “ทีมข่าวบันเทิงแนวหน้า” ได้มีโอกาสล้วงลึกถึงเบื้องหลัง ความสำเร็จของเส้นทางบันเทิงยุคโซเชียลรังสรรค์ให้ครองเมือง!! และแน่นอนว่าผู้ที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุด เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แพร-พัลภา มาโนช บอสสาวตำแหน่งหัวหน้าธุรกิจไลน์ทีวีประเทศไทย มาบอกเล่าถึงความเป็นมาของ LINE TV ประเทศไทยให้เราฟัง
“จริงๆ ไลน์ทีวีเริ่ม launch (เปิดตัว) ตุลาคม 2014 ค่ะ เริ่มแรกเราโฟกัสที่ทีวี ดูหนัง พาร์ทเนอร์แรกคือ GTH เข้าใจว่าซีรี่ส์เรื่องแรกน่าจะเป็นเรื่อง “เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน” แล้วก็มาอีกครั้งหนึ่งที่เป็นการ launch แบบ Official คือช่วงกุมภาพันธ์ 2015 Original Content เรื่องแรกคือ “STAY ซากะ…ฉันจะคิดถึงเธอ” ที่มี ซันนี่ กับ เก้า-สุภัสสรา เล่นค่ะ ทำให้ตอนนั้นคนจะรู้จักไลน์ทีวีจาก STAY ซากะฯ ค่อนข้างเยอะ เพราะได้ คุณย้ง-ทรงยศ มากำกับด้วย เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์แจ้งเกิดของ น้องเจมส์-ธีรดนย์ กับ น้องแบงค์-ธิติ ด้วยเหมือนกัน”
l ขยายช่องทางเข้าถึงคนดู?
“จากตรงนั้น ทำให้เราเริ่มได้ใกล้ชิดกับหลายๆ พาร์ทเนอร์ ด้วยความยิ่งใหญ่ของสื่อทีวี พอเราบอกว่าละครเรื่องนี้จะออนเวลานี้ คอนเทนต์รีรันก็เลยประสบความสำเร็จดีกว่า ช่วงนั้นเราก็เริ่มโฟกัสคอนเทนต์รีรันที่ดังบนไลน์ทีวี มีคุยกับของแกรมมี่ GMM TV, GMM25, Club Friday ซึ่งจริงๆ เราเลือกคอนเทนต์ เพราะเป็นการมองทาร์เก็ตของคอนเทนต์ด้วยค่ะ เช่น GTH ก็คือแนววัยรุ่น ด้วยความที่ไลน์ทีวีต้องไปแบบแมสมากขึ้นทุกวันๆ แบบเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ Club Friday ก็คือการขยายทาร์เก็ตครั้งแรกของเรา ที่นำมาเป็น Exclusive ดูหนัง และก็มีจับมือกับช่อง One31 อย่าง “เป็นต่อ” ซึ่งเป็นซีรี่ส์ฮิตตลอดกาลของประเทศไทยอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ถือว่า “เป็นต่อ” เป็นเคสที่ประสบความสำเร็จมากๆ คน register ในหัวว่าดูไลน์ทีวีดูเป็นต่อได้

l ส่วนสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ?
“ส่วนหนึ่งที่ไลน์ทีวีประสบความสำเร็จในทุกวันนี้เป็นเรื่องของพาร์ทเนอร์ คือเรามีพาร์ทเนอร์ที่ดี น่ารักทุกคน ซึ่งตอนนี้ถ้านับกันจริงๆ เรามีพาร์ทเนอร์ 160 กว่าเจ้า ที่เราทำงานด้วยค่ะ เข้าใจว่าแต่ละคนมีความต้องการต่างกันพยายามคุยกับพาร์ทเนอร์ ด้วยความที่ตัวเราค่อนข้าง flexible พยายามหาจุดที่มีความExclusive (พิเศษ) เพราะคนไลน์ทีวีจะค่อนข้างใจร้อน ไม่ใช่แค่คนไลน์ทีวี คนออนไลน์ด้วยค่ะ ตอนนี้โลกไปเร็วมาก เราต้องเร็ว ทันคนอื่น”
l คนไทยคือผู้ผลักดัน?
“ไลน์ทีวีเกิดขึ้นที่แรกคือ ประเทศไทยค่ะประเทศที่ 2 คือ ไต้หวัน ความสำเร็จของไลน์ทีวีประเทศไทย ก็คือคนของเรา ร่วมสร้างกันมา จริงๆ เรามีบริษัทแม่อยู่แล้ว เขาเป็นผู้นำด้านไอที ซัพพอร์ตด้านระบบ ทีมงานคนไทยเราก็ต้องรู้ local taste (ความต้องการพื้นฐาน) หลักๆ ของคนไทยส่วนใหญ่ ว่าชอบดูอะไร มีคนชอบถามว่าในอนาคตไลน์ทีวีจะไปคอนเทนต์อินเตอร์ไหม ไปค่ะ มันเป็นHidden Plan (แพลนที่ซ่อนอยู่) ของเราค่ะ แต่ว่าตอนนี้เราพยายามจะเก็บคอนเทนต์ไทยให้มากที่สุด ให้ครบสมบูรณ์ ให้ User รู้สึก Completeไม่ต้องไปที่อื่นแล้ว”
l กลยุทธ์สำคัญ?
“เราจะมีทีม Content Marketing ที่จะ Create Content ประเภทไหน โปรโมตยังไง โปรโมตไปทางช่องทางอื่นๆ เราก็เป็น Media Platform อยู่แล้ว ก็จะโปรโมตไปทาง Line Chat App, เราสามารถโปรโมตผ่าน Timeline ได้ และ Official Account ของเราเอง ที่มี Follower (ผู้ติดตาม) 15 ล้านคน และปีนี้เราค่อนข้างโฟกัสด้าน Music ด้วย เราเปิดตัว Line Music โดยมีผู้ติดตามเท่าๆ กับไลน์ทีวี เลยค่ะ เพราะคนใช้ Media(Line) อยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ไลน์มิวสิกเคยปิดตัวไป แต่กลับมาใหม่ครั้งนี้เรามีไดเร็กชั่นที่ชัดเจน ไม่ได้จะให้แค่ฟังเพลงดู MV เราจะมี Live, Concert เช่น เล่นกีตาร์สด อะไรที่เป็น Element ของ Music จับมาหมดค่ะ รวมถึง Premiere MusicVideo ได้ดู MV ก่อนเป็นที่แรก อีกส่วนหนึ่งเป็นการต่อยอดจากศิลปิน คือเรื่องของรายการวาไรตี้โชว์”
l เดินหน้าไม่หยุด?
“คนถามว่าเมื่อไหร่จะหยุด ไลน์ทีวีเราไม่หยุด เดี๋ยวจากนี้จะมีเรื่อยๆ ค่ะ Original Content เป็นสิ่งที่เราอยากจะโฟกัสมากขึ้น เรียกได้ว่าเราแทบเป็นแพลตฟอร์มเจ้าแรกในประเทศไทยเลยมั้ง ที่ลงทุนกับ Exclusive Content จริงๆ หลังจาก STAY ซากะฯ ก็มีออกมาอีกสองเรื่อง คือ “แก๊สโซฮัก…รักเต็มถัง” และ “I Hate You, I Love You” หลังจากนั้นเรามีแตกพาร์ทเนอร์ชิพ ไปทำกับคนอื่นบ้างในหลากหลายแนวมากขึ้น อย่างปี 2016 มีสองเรื่อง ปี2017 มี 4 เรื่อง คือ “Together With Me อกหักมารักกับผม” ซีรี่ส์วายของ TV Thunder, “MAKE IT RIGHT SEASON 2 รักออกเดิน ซีซั่น 2” ของคุณแอนดี้ ผู้กำกับ Love Sick มีการหยิบการ์ตูนบนเว็บตูนมาทำซีรี่ส์ ก็คือ “คุณแม่วัยใส” และสุดท้ายที่จบไปคือ “เป็นต่อ” ที่เป็น Exclusive เราคุยมาตลอดว่าเราอยากมี original content จากช่องวันบ้าง เราก็มานั่งคุยว่าเราจะทำ Content ที่แยกออกจากที่มีอยู่แล้ว หรือสร้างใหม่เลย ก็เลยมาลงตัวที่เป็นต่อ เพราะเป็นจุดแข็งของช่องวันและคนรู้จักอยู่แล้ว เราต่อยอดความแบรนดิ้งของเป็นต่อ พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) บอกลองทำเป็นต่อที่มันไม่ใช่ซิทคอมสิ ขายข้างนอกถ้าให้แบบ Reference ก็เป็น Hangoverแก๊งผู้ชายไปเที่ยวกัน หลุดโลกไปเลยค่ะ และก็ยังมี The Collector เป็นซีรี่ส์เขย่าขวัญเรื่องแรกบนไลน์ทีวี ซึ่งเราต่อยอดเป็นเวอร์ชั่นหนังให้ดูอีกด้วยค่ะ”

l DNA ของความเป็น LINE?
“ใน DNA ของคนทำงานที่ไลน์ คือต้องมีความเป็น Start up ในความหมายว่าคนของเราต้องกล้าที่จะลอง กล้าที่จะเสี่ยง ผู้บริหารของเราค่อนข้างเปิดโอกาส เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เรารู้สึกว่าอยากจะให้มันผิด เราจะได้เรียนรู้ว่ามันเป็นยังไง เรารู้สึกว่าการมีฟอร์แมตรายการที่มี prove success มาจากที่อื่น มันจะสามารถต่อยอดได้ง่ายขึ้น ปี 2018 จะเป็นปีที่เรา looking for ฟอร์แมตรายการมากขึ้น รายการที่เราเพิ่งเปิดตัวคือ “Drag Race Thailand” เริ่มต้นคือเราได้ Drag Race ของอเมริกา มารีรัน เรารู้สึกว่ามันน่าสนใจ พอดีกับกันตนาจะทำ เราก็เลยจับมือกับกันตนา เตรียมกันมา 2 ปีค่ะ และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ส่วนหนึ่งคือสังคมให้การยอมรับเพศที่สามมากขึ้น แล้วไลน์ทีวีเราเปิดกว้างเรื่องความหลากหลาย”
l ชื่นชมความสามารถของคนไทย?
“เราค่อนข้างแฮปปี้กับ ContentCreator คนไทยที่มีความสามารถ อย่างบริษัท Rayrontv พี่เรย์เป็นคนมีไอเดียการทำคอนเทนต์ค่อนข้างดีมากๆ เราอยากโปรโมตให้คนเห็นเยอะๆ เรามีทำกับพี่เรย์ 3 รายการ รายการแรกคือ The Follower คอนเซ็ปต์คือติ่งไปไหน เราจะตามติด Ep.แรก ตอนนางงามจักรวาล ทีมงานพี่เรย์จะเก็บหมดเลย วันที่มารีญาติดไฟนอลลิสต์ อยู่บนเวทีนู่นนี่นั่นมีการ gather ของแฟนคลับ คอมมูนิตี้ของนางงาม เขามีความพราวด์เกี่ยวกับเรื่องของนางงามยังไง มีการแฟลชแบ็คสมัยพี่ปุ๋ยเป็นยังไง เจาะลึก อย่าง Ep.2 ไปตาม BNK48 มีไปตาม เป็ก-ผลิตโชค อย่างล่าสุดมีเรื่องของพระเอกลิเก เราก็ตามไปทุกวงการ บางคนก็จะมอง negative เนาะ ติ่ง ติ่ง แต่เรารู้สึกว่าความชอบของคนมันไม่ใช่ความผิด รายการที่สองรายการ Take me home เป็นคล้ายรายการ CSR ช่วยสังคมนิดนึง รายการที่สามเป็นรายการท่องเที่ยวสไตล์พี่เรย์ Food Tribe ไป-ล่า-กิน และก็จะมีภาคต่อรายการ #switch ของจ๋า-ยศสินี และกำลังคุยกับคุณโอปอล์อยู่ เรื่องรายการ Opal All Around ว่า Season 2 จะเป็นยังไงค่ะ”
l ความบันเทิงในอนาคต?
“ปีนี้ยังคงมีอีกหลายรายการที่ยังไม่เปิดเผยค่ะ ปี 2018 น่าจะเป็นปีที่สนุกมากๆ ของไลน์ทีวี สถานการณ์ที่การแข่งขันค่อนข้างสูง ไลน์ทีวีเราเน้นเรื่องของคอนเทนต์ รายการเรามีคุณภาพสูงอยู่แล้ว ปีนี้เราก็จะเน้นรายการฟอร์แมตมากขึ้น เรามองไปถึงภาพรายการฟอร์แมตระดับอินเตอร์มาทำให้เป็นโลคอล และที่น่าจะเห็นมากขึ้นคือคอนเทนต์ที่เป็น LGBT ไม่ใช่แค่เรื่องวายอย่างเดียว อย่างที่เรามี Drag Race ไปแล้ว เดี๋ยวรอดูกันว่าปลายปีเราจะมีคอนเทนต์อื่นๆ อีกหรือเปล่าค่ะ และก็จะมี Dance Competition ของไลน์ทีวี ร่วมกับ TV Thunder ของเราจะทำให้มันตื่นเต้นแปลกใหม่ด้วยการใส่ Augmented Reality ลงไป เพลง Toxic คนเต้นอาจเต้นในแบ๊กกราวนด์ธรรมดา เราก็ใช้ AR ใส่ลงไปเป็นแบ๊กกราวนด์ของบริทนีย์สเปียร์ส แล้วก็เรามีแผนจะทำTake guy out season 3 จะมีความสเปเชียลไม่เหมือนสองซีซั่นที่ผ่านมา
ปริมวาไล