ส่องเกษตร : มาตรฐานปลาร้า…อย่าดราม่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/334875

449007

ส่องเกษตร : มาตรฐานปลาร้า…อย่าดราม่า

วันพุธ ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.

มาตรฐาน“ปลาร้า”ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูเหมือนได้กลายเป็นเรื่อง“ระดับชาติ”ที่วิพากษ์วิจารณ์กันแพร่หลายมาก แต่ไปๆมาๆกลับออกมาแนว“ดราม่า”สร้างความสับสน แถมถูกนำไปเป็นประเด็นการเมืองโจมตีรัฐบาลซะเลย สิ่งที่คิดว่า“น่าจะดี” เลยทำท่าจะ“เละ”ไปกันใหญ่…จึงน่าจะได้ตั้งสติพิจารณากันตามความจริงให้ดี

เรื่องของเรื่องก็เป็นความปรารถนาดีที่กระทรวงเกษตรฯทีเล็งเห็นว่า “ปลาร้า”อาหารยอดฮิตของไทยโดยเฉพาะพี่น้องชาวภาคอีสาน นับวันยิ่งนิยมบริโภคแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การผลิต“ปลาร้า”เติบโตจากระดับครัวเรือนธุรกิจขนาดเล็ก กลายเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ ปัจจุบันปริมาณผลิตสูงถึง 40,000 ตันต่อปี มีมูลค่าตลาดในประเทศปีละกว่า 800 ล้านบาท

ทั้งยังส่งออกปลาร้าไปต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชา และประเทศที่มีคนเอเชียอาศัยอยู่จำนวนมาก ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป(EU) และตะวันออกกลาง โดยมีมูลค่าส่งออกรวมกว่า 20 ล้านบาทต่อปี ซึ่งความต้องการมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น แต่เนื่องจากไทยยังไม่มีเกณฑ์กำหนดคุณภาพที่เป็นมาตรฐานสำหรับใช้อ้างอิงการซื้อขายปลาร้า จึงเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ประกอบกับการรวมตัวเป็นกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีการค้าขายเสรี จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานคุณภาพสินค้าที่เป็นที่ยอมรับ สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดคู่ค้า เพื่อผลักดันให้ปลาร้าไทยให้ส่งออกได้ดีเหมือนที่ญี่ปุ่นส่งออกนัตโตะ (ถั่วเน่าญี่ปุ่น)

ทางสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หรือ มกอช.จึงร่วมกับกรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำร่างมาตรฐานสินค้า”ปลาร้า”ขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล เพื่อใช้เป็นเครื่องมืออ้างอิงในการค้าทั้งในประเทศและการส่งออก ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค หวังส่งผลดีต่อการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ปลาร้า

โดยกระบวนการจัดทำมาตรฐาน“ปลาร้า”ก็เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้เกี่ยวข้องทั้งในภาคอีสานและภาคกลาง นำร่องที่ขอนแก่นและชัยนาท แหล่งผลิตปลาร้าใหญ่สุดในไทย จนได้ข้อสรุปและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาดังว่า

สาระของมาตรฐานที่ประกาศใช้นี้ระบุตั้งแต่คำอธิบาย กระบวนการผลิต ส่วนประกอบและเกณฑ์คุณภาพ ซึ่งประกอบด้วยคุณลักษณะทางกายภาพที่ต้องคลุกเคล้ากันพอดี ไม่แห้งหรือเละเกินไป เนื้อปลานุ่ม หนังไม่ฉีกขาด มีสีตามลักษณะเฉพาะของเนื้อปลา “กลิ่นหอมตามลักษณะเฉพาะของปลาร้า” ไม่มีกลิ่นคาว เหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว ทั้งต้องใส่เกลือไม่น้อยกว่า 18% ของน้ำหนัก ไม่พบพยาธิตัวจี๊ดและตัวอ่อนพยาธิใบไม้ในตับ ไม่มีสิ่งแปลกปลอม แมลง ชิ้นส่วนสัตว์ที่ไม่ใช่ปลา และปลาที่ไม่ได้บรรจุในฉลาก ห้ามใช้สีและวัตถุกันเสีย สารปนเปื้อนต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด เป็นต้น…

และที่สำคัญคือเป็นมาตรฐานที่เน้น“ความสมัครใจ” ไม่ใช่ “การบังคับ” ซึ่งคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร มีมติให้กำหนดมาตรฐานปลาร้า มาตรฐานเลขที่ มกษ.7023-25601 ไว้เป็นมาตรฐานทั่วไป ใช้โดยสมัครใจ เพื่อส่งเสริมพัฒนายกระดับสินค้าปลาร้าให้มีคุณภาพมาตรฐาน

ปรากฏว่า ประเด็นที่ถูกนำไปขยายดราม่าในสื่อต่างๆก็เช่น ตรงที่ว่าต้องมี“กลิ่นหอมฯ” เพราะในความเข้าใจกันทั่วไปคือปลาร้าจะมีกลิ่น “เหม็น” ถ้าไม่เหม็นก็ไม่ใช่ “ปลาร้า” ทั้งๆ ที่คำเต็มๆ ตามมาตรฐานนี้คือ “กลิ่นหอมตามลักษณะเฉพาะของปลาร้า” ย่อมน่าที่จะพอเข้าใจได้ แม้จะน่างงๆอยู่บ้างก็ตาม แต่ย่อมไม่ใช่จะให้หอมเหมือน“ดอกไม้” อย่างที่หลายๆคนดราม่ากันไป

ต้องย้ำว่ามาตรฐานปลาร้าที่ประกาศใช้นี้เป็น“มาตรฐานทั่วไป”ตามความสมัครใจไม่ใช่“มาตรฐานบังคับ” ดังนั้นไม่สมควรที่ใครจะดราม่าในทำนองว่า“ออกมาได้อย่างไร กฎหมายที่บังคับปลาร้าไม่ให้เหม็น ถ้าเหม็นก็ผิดกฎหมายหรือ”

ผู้ผลิตรายใดที่ยังยืนยันจะผลิตตามแบบเดิมๆ โดยไม่คำนึงว่าจะเข้าตามเกณฑ์มาตรฐาน“ปลาร้า”ที่รัฐประกาศออกมานี้ ก็ยังสามารถดำเนินการผลิตและค้าขายได้ ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายแต่อย่างใด แต่ถ้าคิดจะขยายการค้า มุ่งส่งออกเพิ่มมูลค่า การได้ตรารับรองมาตรฐานจาก มกอช.ก็จะเป็นประโยชน์ยิ่ง

นี่คือสิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ของมาตรฐาน “ปลาร้า” อย่าดราม่าให้สับสน จนเสียหายเลย

สาโรช บุญแสง

Leave a comment