ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/333876

เลาะรั้วเกษตร : ฤดูกาลของผลไม้
ปีนี้เห็นลิ้นจี่พันธุ์ค่อม ของอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ออกสู่ท้องตลาดในปริมาณที่มากกว่าหลายปีที่ผ่านมา ซื้อมาลองชิมก็ไม่ผิดหวัง รสชาติดี เนื้อแห้งไม่ฉ่ำน้ำ ผลโตพอสมควร
ลิ้นจี่อัมพวา เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของสมุทรสงครามมานาน เมื่อก่อนจะมีการจัดงานเทศกาลลิ้นจี่ อัมพวาเป็นประจำทุกปี แต่ระยะหลัง 2-3 ปีมานี้เงียบหายไป เพิ่งถึงบางอ้อ เมื่อสำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงครามบอกมาว่า 3 ปีที่ผ่านมาลิ้นจี่สมุทรสงครามไม่ติดผลเนื่องจากอากาศหนาวเย็นไม่พอ มาปีนี้ดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ลิ้นจี่ที่ยังมีพื้นที่ปลูกอยู่กว่า 5,000 ไร่ ติดดอกออกผล คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 3,000 ตัน ราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ ตอนนี้ ประมาณกิโลกรัมละ 150-170 บาท
แถมมาด้วยว่า ในวันที่ 20-22 เมษายนนี้ จะจัดงานลิ้นจี่ขึ้นที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม ท่านที่เป็นแฟนคลับลิ้นจี่อัมพวาไปเที่ยวชม และหาซื้อลิ้นจี่รสชาติดีมารับประทานได้ ลิ้นจี่อัมพวานับวันจะเหลือน้อยลงทุกที เห็นทีสำนักงานเกษตรจังหวัด และจังหวัดสมุทรสงครามเองคงจะต้องหันมาดูแล หาเทคโนยีที่เหมาะสมมาช่วยเกษตรกรพัฒนาการปลูก ดูแลรักษา และอนุรักษ์ลิ้นจี่ในพื้นที่ให้ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของสมุทรสงครามต่อไป อย่าปล่อยให้เกษตรกรต้องเผชิญชะตากรรมจากสภาพดินฟ้าอากาศจนต้องโค่นลิ้นจี่ทิ้งไปเรื่อยๆ
ส่วนอีกจังหวัดหนึ่งที่โปรโมทลิ้นจี่เหมือนกัน คือ ลิ้นจี่นครพนม ที่ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม มีพื้นที่ปลูกอยู่ริมแม่น้ำโขงประมาณ 1,000 ไร่ มีชื่อพันธุ์ว่า นครพนม 1 หรือ นพ.1 ผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงนี้เช่นเดียวกัน ทราบมาว่าลิ้นจี่ นพ.1 เป็นลิ้นจี่ที่นักวิชาการของกรมวิชาการเกษตรไปพบในพื้นที่ของชาวบ้านเมื่อประมาณปี 2533 นำมาปลูกทดสอบและคัดเลือกพันธุ์ ขยายพันธุ์ให้ชาวบ้านนำไปปลูกในชื่อว่า ลิ้นจี่พันธุ์นครพนม 1 ต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2535 จนปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ไปแล้ว
ลิ้นจี่ นพ.1 มีลักษณะเฉพาะถิ่นที่โดดเด่นคือ ผลดก ขนาดผลโต เปลือกสีแดงสด รสชาติหวานอมเปรี้ยว กรอบ เนื้อแห้ง ที่สำคัญปลูกได้ดีในพื้นที่ริมน้ำโขง และภาคอีสานบางจังหวัด ลักษณะของหวานอมเปรี้ยวนี่ไม่ทราบว่าเปรี้ยวขนาดไหน เพราะเท่าที่ได้ลิ้มรสคือเปรี้ยวมาก อาจจะเพราะผลผลิตยังไม่แก่จัด จึงฝากชาวสวนลิ้นจี่ด้วยว่าต้องรักษาคุณภาพให้ดีที่สุด มิเช่นนั้นจะเสียชื่อสินค้า GI ทราบมาว่าส่งออกไปจีนด้วย ยิ่งต้องรักษาหน้าตาไว้ให้มาก
ไหนๆ ก็ไหนๆ พูดถึงลิ้นจี่แล้ว ก็ต้องมองเลยไปถึงฤดูกาลผลไม้ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะ ผลไม้ภาคตะวันออก ที่เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ออกมาบอกว่า ผลสำรวจข้อมูลผลไม้ในภาคตะวันออกที่จังหวัด จันทบุรี ระยอง และตราด ในปี 2561 นี้ พื้นที่ปลูกผลไม้ 4 ชนิด คือ ทุเรียน เงาะ มังคุด และลองกอง มีทุเรียนเท่านั้นที่พื้นที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อีก 3 ชนิด คือ มังคุด เงาะ และลองกอง พื้นที่ลดลง
ผลผลิตต่อไร่ สำหรับมังคุดลดลงมากที่สุด ลองลงมาคือ ลองกอง เงาะ และทุเรียน ตามลำดับ สาเหตุที่มังคุด มีปริมาณผลผลิตลดลง เนื่องมาจากปีที่ผ่านมา มังคุดติดผลล่าช้า ช่วงนี้จึงพักต้นเพื่อสะสมอาหาร และคาดว่าปีนี้ก็จะติดผลล่าช้าอีกเช่นกัน ประกอบกับสภาพอากาศแปรปรวนทำให้แตกใบอ่อนแทนการออกดอก ส่วนทุเรียนต้องเผชิญกับเชื้อราไฟทอปเธอรา เป็นโรครากเน่ายืนต้นตาย
สถานการณ์ไม้ผลภาคตะวันออกปีนี้จึงคาดว่าผลผลิตจะลดลง จะส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้น….ผู้บริโภคเตรียมทำใจกับราคาผลไม้ที่สูงขึ้น แต่ก็ต้องยอมถ้าราคาที่สูงขึ้นเกษตรกรจะได้ประโยชน์ ไม่ใช่บรรดาพ่อค้าคนกลาง หรือล้งทั้งหลาย เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ แต่เกษตรกรยังขายได้ราคาต่ำเหมือนเดิม
ที่สำคัญคือ คุณภาพผลไม้สำหรับผู้บริโภคคนไทยจะต้องเหมือนกับคุณภาพที่ส่งออกไปขายให้กับชาวต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้โฆษกกระทรวงเกษตรฯ สรวิศ ธานีโต ที่มีข่าวลือว่า จะมานั่งเก้าอี้เลขาธิการ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หรือ มกอช. ออกมาแถลงว่า แนวทางการบริหารจัดการผลไม้ของกระทรวงเกษตรฯ จะเน้นคุณภาพ ความปลอดภัย ทั้งมาตรฐาน GAP และ เกษตรอินทรีย์ ที่สำคัญคือเข้มงวดกับปัญหาทุเรียนอ่อนมาก
ในส่วนของปริมาณผลผลิตจะมีการเชื่อมโยงตลาดล่วงหน้า บริหารจัดการผลผลิตส่วนเกินให้กระจายไปในภูมิภาคต่างๆ ไม่กระจุกตัวอยู่ในแหล่งผลิตเท่านั้น….
ในฐานะผู้บริโภคที่นิยมผลไม้ ก็หวังว่าการเตรียมการของกระทรวงเกษตรฯ จะทำให้ตลาดผลไม้ปีนี้ราบรื่น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคได้สินค้าที่มีคุณภาพสมตามเจตนารมณ์ที่ว่า……หวังว่าจะไม่ผิดหวัง……
แว่นขยาย