ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/335854

ชายคาพระพิรุณ : บทบาทผู้สอบบัญชีสหกรณ์ กับการป้องกันทุจริตในสหกรณ์
“ขุนเกษตรา” …รายงานตัวนำเรื่องราวภายใต้ชายคาพระพิรุณในรอบสัปดาห์มาเล่าสู่กันฟังเช่นเคย…ระยะนี้ ได้ยินเรื่องการทุจริตในสหกรณ์ค่อนข้างบ่อย การทุจริต ประพฤติมิชอบมีโอกาสเกิดขึ้นทุกระดับในองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ยิ่งนับวันก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีเทคนิคและวิธีการที่แยบยลในการปกปิด สร้างภาพลวงตา ซึ่งในกระบวนการตรวจจับ และตรวจสอบการกระทำผิดในทุกกรณีจะต้องมีเอกสาร หลักฐานและพยานที่มีการสืบหา สืบค้น และรวบรวมอันจะนำมาเป็นหลักฐานยืนยันถึงการกระทำผิดและการประพฤติมิชอบ เอกสารที่นำมาเป็นหลักฐานสำคัญมักเป็นสารสนเทศทางการเงินการบัญชีซึ่งเป็นผลงานทางการบัญชีในการจัดทำและนำเสนอรายงานทางการเงิน…ปัญหาทุจริตที่เกิดขึ้นในสหกรณ์ต่างๆ จึงมักจะตรวจพบจากการตรวจสอบบัญชีที่เข้มงวด โดยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องคือ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่จะต้องตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง เป็นมาตรฐานสากลและกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและตามที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด โดยปัจจุบันกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ มีผู้สอบบัญชีสหกรณ์ทั้งหมด จำนวน 1,153 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.เป็นข้าราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จำนวน 708 คน
ซึ่งกรม ได้จัดระดับผู้สอบบัญชีให้เหมาะสมกับระดับความยากในการสอบสหกรณ์แต่ละแห่ง 2.ผู้สอบบัญชีภาคเอกชน จำนวน 345 คน โดยผู้สอบบัญชีภาคเอกชนที่จะมาทำหน้าที่สอบบัญชีให้กับสหกรณ์นั้น จะต้องขึ้นผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์กำหนดและได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรม นอกจากนี้ กรม ยังได้มีการกำกับดูแลสหกรณ์ที่ถ่ายโอนให้ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ภาคเอกชนตรวจสอบ ให้ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีและระเบียบที่นายทะเบียนสหกรณ์กำหนด
ที่ผ่านมา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้มีนโยบายในการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เฉพาะด้านการบัญชี การสอบบัญชี และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสอบบัญชี รวมทั้งความสามารถในการสอบบัญชี เพื่อเพิ่มศักยภาพบุคลากรให้ก้าวหน้าในสายอาชีพสอบบัญชี (Career Path) มาอย่างต่อเนื่อง โดย นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คนปัจจุบัน ได้มีนโยบายที่จะพัฒนาข้าราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้สามารถสอบเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) ได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพการตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สร้างความเชื่อมั่นแก่สมาชิกในการทำธุรกิจและธุรกรรมทางการเงินกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้ และยังทราบว่าในปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อให้ข้าราชการกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ปฏิบัติงานสอบบัญชีสหกรณ์ สามารถนำผลการปฏิบัติงานมานับเป็นชั่วโมงฝึกงาน เพื่อให้มีคุณสมบัติในการสอบขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งในปี 2561 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ได้ปรับกระบวนการสอบบัญชีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดข้อบกพร่องทางการเงินการบัญชี ก่อนปฏิบัติงานตรวจสอบบัญชี และเน้นการตรวจสอบในประเด็นที่อาจมีความเสี่ยงนั้น เพื่อให้สามารถพบข้อบกพร่อง/การทุจริตทางการเงินการบัญชีได้อย่างทันการณ์ และมีนโยบายให้เพิ่มช่วงเวลาในการเข้าตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ให้มากยิ่งขึ้น โดยเข้าตรวจเป็นรายไตรมาส กรณีที่มีข่าวว่ากรมตรวจบัญชีสหกรณ์มีบุคลากรไม่เพียงพอในการทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชีนั้น อธิบดีโอภาส บอกว่า น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ส่วนกรณีการทุจริตที่เกิดขึ้นในสหกรณ์หลายแห่ง หลายกรณีส่วนใหญ่เกิดจากระบบการควบคุมภายในของสหกรณ์มีจุดอ่อนหรือมีการไม่ปฏิบัติตามระบบการควบคุมภายในที่กำหนด สมาชิกไม่ได้ติดตามการดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับโดยสม่ำเสมอ จนไม่ทราบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น…ปัญหาทุจริตในสหกรณ์ เป็นปัญหาระดับชาติ ขุนเกษตรา ก็เห็นว่าหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่จะหาแนวทางแก้ไขและป้องกัน มีความพยายามในการปิดกั้นมิให้เกิดสิ่งที่เป็นสาเหตุแห่งการทุจริตมาโดยตลอดเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ให้กับมวลสมาชิกในขบวนการสหกรณ์ แต่บางครั้งก็สุดวิสัยอันเกิดจากปัจจัยในตัวสหกรณ์เอง สิ่งหนึ่งที่จะป้องกันเบื้องต้นได้คือ ความรู้เท่าทันที่จะรักษาผลประโยชน์ของตัวสมาชิก ดังนั้น เพื่อสิทธิประโยชน์ของสมาชิกสหกรณ์เอง จึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ ตลอดจนหลักการและวิธีการสหกรณ์และการตรวจสอบการเงินการบัญชีและการดำเนินการของสหกรณ์ รับรู้ข้อมูลทางบัญชีสหกรณ์ทั้งภาพรวมและของตนเอง ซึ่งหากสมาชิกช่วยกันตรวจสอบเบื้องต้นและแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ ก็จะช่วยลดปัญหาการทุจริตได้ในระดับหนึ่ง…
ขุนเกษตรา