ส่องเกษตร : ‘แจ็คหม่า’มา…ต้องปรับตัวสู้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/336212

449007

ส่องเกษตร : ‘แจ็คหม่า’มา…ต้องปรับตัวสู้

วันพุธ ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

วันศุกร์ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ในงาน“รัฐบาลพบสื่อมวลชน” ที่จัดขึ้นประจำทุกเดือน ถึงคิวท่านรมว.เกษตรและสหกรณ์-กฤษฎา บุญราช ต้องไปพูดคุย ตอบคำถามนักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล โดยตั้งประเด็นไว้เรื่อง“การปฏิรูปภาคเกษตร”

ประเด็นที่ท่านตั้งใจพูดถึงงานกระทรวงเกษตรฯ ดูจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร จึงไม่ค่อยมีสำนักไหนนำไปเสนอข่าวมากนัก เป็นไปได้ว่า เพราะเนื้อหาที่พูดส่วนใหญ่เป็นเรื่องเก่า เช่น เป้าหมายทำงานที่เน้นนโยบาย 3 ต.“ต่อ-เติม-แต่ง”มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ลดหนี้สิน,ให้ความสำคัญการรวมกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็งและเป็นมืออาชีพ ฯลฯ

หรือพูดถึงแนวทางปฏิรูปภาคเกษตรที่ทำต่อเนื่องในรัฐบาลนี้ ตั้งแต่ก่อนท่านมาเป็นรมว.เกษตรฯคือ ปี 2559 ตั้งเป้าเป็น“ปีแห่งการลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสการแข่งขันสินค้าเกษตร” ปี 2560 เป็น “ปีแห่งการยกระดับมาตรฐานการเกษตรสู่ความยั่งยืน” พอยุคท่านปี 2561 จึงมอบหมายทุกหน่วยงานให้ใช้หลัก“การตลาดนำการผลิต” เป็นแนวคิดบริหารจัดการสินค้าเกษตรแบบใหม่ วางแผนการผลิตให้อุปสงค์และอุปทานสมดุลกัน กำหนดแนวทางสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมจริง หนุนเกษตรกรเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สหกรณ์การเกษตรและผู้ค้า

ทั้งพยายามอ้างอิงความสำเร็จ เช่น โครงการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่,งานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร,พัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer,จัดโซนนิ่ง,พัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐาน,สนับสนุนเกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่,แผนข้าวครบวงจร ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำ และแนวทางสนับสนุนนโยบายไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาล เป็นต้น

เอาเป็นว่ายังเป็น“ราคาคุย”ในเรื่องเก่าๆที่ต้องรอพิสูจน์ด้วยผลงานเชิงประจักษ์ที่จะทำให้ชีวิตเกษตรกรดีขึ้น จริงหรือไม่…เลยไม่ค่อยเป็นข่าว ต้องพิสูจน์น้ำยาด้วยการทำงานจริงจังต่อไป

อีกเรื่องที่ขอเขียนถึงสักหน่อยคือ การเข้ามาของ“อาลีบาบา” ยักษ์ใหญ่การค้าออนไลน์โลกซึ่ง “แจ็ค หม่า”ได้มาพบนายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา เซ็น MOU 4 ฉบับ ยืนยันจะลงทุน 1.1 หมื่นล้านในโครงการ EEC ของไทย เป็นเรื่องใหญ่มากที่พูดถึงกันแทบทุกวงการ ทุกสื่อ ประเมินจะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย ธุรกิจใดจะได้-จะเสีย ฯลฯ

และแน่นอน วงการเกษตรจะได้รับผลอย่างมาก (คงทั้งด้านบวกและลบ) จึงต้องติดตาอย่างใกล้ชิด เพราะแค่โหมโรงเปิดตัวก่อน“แจ็ค หม่า”มาไทย ด้วยการช่วยไทยขาย “ทุเรียน”ผ่านเว็บไซต์ TMall.com ของอาลีบาบาเพียง 1 นาที ก็ขายไปได้ถึง 8 หมื่นลูก จนเป็นที่ฮือฮามาก

ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มองแง่บวก ต่างเชื่อว่า นี่จะเป็นการเชื่อมโยงโอกาสการส่งสินค้าเกษตรไปขายต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เกษตรกรไทยมีการปรับตัววางแผนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดปัญหาสินค้าล้นตลาด ทั้งส่งผลดีต่อราคาสินค้าเกษตรในประเทศด้วย โดยเฉพาะผลไม้ซึ่งมีทุเรียนเป็นพระเอกชูโรง ฯลฯ

ขณะที่ฝ่ายมองในแง่ลบ โดยเฉพาะเรื่องการขายผลไม้ เตือนอย่ามองโลกสวยเกินไป หวั่นจีนจะ“กินรวบ”ผลประโยชน์มากกว่า เมื่อสภาพปัจจุบัน พ่อค้าจีนหรือ“ล้งจีน”
เข้ามากว้านซื้อล่วงหน้าเกือบทุกผลไม้ที่เราผลิตได้ ที่ตลาดเมืองจีนนิยม ผลดีที่เว็บไซต์ของ“แจ็ค หม่า”ช่วยให้ขายของได้มากขึ้น จึงตกเป็นของบรรดาล้งจีนมากกว่าเกษตรกรไทย

สำหรับผมเอง ไม่มองโลกสวย แต่มองด้วยความเป็นจริงว่า ถึงอย่างไรการค้าออนไลน์ที่ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกใบนี้และในไทยเอง ก็เป็นสิ่งที่เกษตรกรหลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่าเว็บไซต์ของ“แจ็ค หม่า-อาลีบาบา”หรือยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นๆ ในที่สุดก็จะเข้ามา ผลกระทบทั้งแง่บวกและลบ ต้องตามมามากขึ้นทุกที

ดังนั้น“เมื่ออนาคตเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ หนีไม่พ้น” สิ่งที่ควรพิจารณาจึงไม่ใช่แค่“ผลดี-ผลเสีย”แต่คือ“การปรับตัว”เพื่อนำ“อนาคต”นี้มาสร้างให้เกิดผลดีกับเราได้มากที่สุด เกษตกรไทยต้องปรับตัวทั้งด้านการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นอำนาจต่อรองในการซื้อขายในโลกออนไลน์ได้มากขึ้น ต้องรวมตัวกันค้าเองไม่ว่าจะรูปสหกรณ์หรืออื่นๆ ไม่ใช่ปล่อยให้“ล้งจีน”มามีอำนาจผูกขาดการขายฝ่ายเดียว….เช่นนี้ เป็นต้น

สาโรช บุญแสง

Leave a comment