แตกใบอ่อน : ชี้ขาดสารพิษ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/339269

807934531

แตกใบอ่อน : ชี้ขาดสารพิษ

วันพฤหัสบดี ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

ในที่สุดก็น่าจะมีความชัดเจนเสียทีสำหรับอนาคตของ “วัตถุอันตราย” 3 ชนิด ประกอบด้วย พาราควอต, คลอร์ไพริฟอส และ ไกลโฟเซต จะลงเอยแบบไหนในประเทศไทย โดยในวันที่ 23 พฤษภาคม หรือวันพุธของสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมกันของ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” เพื่อชี้ขาดว่าจะประกาศแบน “พาราควอต” และ “คลอร์ไพริฟอส” รวมทั้งให้มีการจำกัดการใช้สาร “ไกลโฟเซต” หรือไม่

สำหรับท่านผู้อ่านที่ติดตามสถานการณ์เรื่องการใช้สารเคมีทางการเกษตร คงทราบดีว่า กรณีสารเคมีเจ้าปัญหาทั้ง 3 ตัว เป็นกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนและคัดค้านต่อสู้กันมานานหลายปี

หรือหากจะนับเอาเฉพาะตั้งแต่ “คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง” ที่มี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน มีมติขอให้ “กรมวิชาการเกษตร” ไปพิจารณาออกประกาศยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 2 ชนิด ได้แก่ พาราควอต และ คลอร์ไพริฟอส ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 และภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ต้องยุติการนำเข้าสารเคมีทั้ง 2 ตัว รวมทั้งขอให้กำหนดโซนการใช้ “ไกลโฟเซต” ซึ่งเป็นยาฆ่าหญ้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก พื้นที่ต้นน้ำ แม่น้ำ และลำคลอง เพราะถูก “องค์การอนามัยโลก” (WHO) กำหนดให้เป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง และมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหลายโรค เช่น โรคไต โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ เป็นต้น

ถ้าตั้งต้นจากตรงนี้ ก็ไม่มากไม่มาย ยื้อกันไป ยื้อกันมา แค่ปีกว่าๆ เท่านั้น

ไล่มาตั้งแต่เหตุการณ์ที่ กรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ “กำกับดูแล” สารเคมีทางการเกษตร ตัดสินใจ “เตะออก” ด้วยการโยนข้อมูลไปให้ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” เป็นผู้ชี้ขาดการแบน “พาราควอต”และ “ควอร์ไพริฟอส” แทน โดยอ้างว่าตัวเองไม่มีความเชี่ยวชาญที่จะนำข้อมูลด้านสุขภาพอนามัยมาวินิจฉัยได้อย่างชัดแจ้งว่า สารดังกล่าวมีอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่

ส่วนเจ้าสาร “ไกลโฟเซต” นั้น ก็ไม่มีแนวทางอะไรที่เป็นรูปธรรมตามข้อเสนอ โดยลงมือทำเพียงแค่ให้ผู้ประกอบการรายงานการนำเข้า การผลิต การส่งออก การจำหน่าย พื้นที่การใช้ และปริมาณคงเหลือ และต้องระบุพื้นที่ห้ามใช้ในฉลากวัตถุอันตรายควบคุมการโฆษณาเท่านั้น

ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทสารเคมีและฝ่ายคัดค้านการยกเลิกการใช้สารเคมี ก็พยายามเคลื่อนไหวและงัดข้อมูลขึ้นมาต่อสู้ กระทั่งท้ายสุดก็ต้องให้นายกฯตู่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ออกโรงสั่งให้ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยตัวแทนภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกลับไปคุยกันใหม่เพื่อหาข้อสรุปให้ชัดเจน

โดยผลที่ออกมาก็อย่างที่ทราบกันดี คือ ที่ประชุมมีมติให้ยืนยันตามความเห็น “คณะกรรมการขับเคลื่อนปัญหาการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง” หรือง่ายๆ คือให้แบนสาร “พาราควอต” กับ “ควอร์ไพริฟอส” และจำกัดการใช้ “ไกลโฟเซต” นั่นเอง

ขณะที่ “หมอสกล” รมว.สาธารณสุข ยังให้ข้อมูลพกท้ายมาด้วยว่า กรณีกลุ่มบริษัทสารเคมีและผู้คัดค้านการทำหมันสารอันตราย โดยเฉพาะ “พาราควอต” อ้างผลงานวิจัยว่าสารดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบ หากมีการใช้ตามข้อกำหนดนั้น แท้จริงเป็นงานวิจัยเก่าตั้งแต่ปี 2540 หรือ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งแย้งกับงานวิจัยปัจจุบันที่ชี้ชัดถึงผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อมีมติระงับก็ต้องดำเนินการ

ที่สำคัญหากจะมาบอกว่า การใช้สารทดแทนแพงกว่า ก็ต้องเลือกเอาว่า ระหว่างราคาที่แพงกว่าเดิม กับสุขภาพประชาชนจะเลือกแบบใด

อย่างไรก็ดี การที่ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” นัดประชุมวันพุธหน้า ก็ยังต้องจับตากันต่อว่า ผลที่ออกมาจะเป็นไปตามมติของ 3 กระทรวงหรือไม่ เพราะในกรรมการวัตถุอันตายทั้ง 29 คนนั้น ก็ใช่ว่าจะมีแต่ผู้สนับสนุนให้ยกเลิก ตรงกันข้ามน่าจะมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่มีความโน้มเอียงอยากให้ใช้ต่อไป

ดังนั้นจึงต้องจับตากันให้ดีครับ เกมนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิดกันไว้แน่

มะลิลา

Leave a comment