ส่องเกษตร : ไทยนิยมต้องไม่โกง!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/347902

449007

ส่องเกษตร : ไทยนิยมต้องไม่โกง!

วันพุธ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 06.00 น.

ท่านเลขาฯสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)- วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข แถลงไม่กี่วันก่อนว่า คณะกก.บริหารการขับเคลื่อนงานนโยบายสำคัญและการแก้ปัญหาภาคการเกษตร ซึ่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้แต่งตั้ง“คณะทำงานติดตามประเมินผลการขับเคลื่อนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน”ในส่วนที่กระทรวงรับผิดชอบ 2 แผนงานสนับสนุนการปรับโครงสร้างภาคเกษตร รวม 22 โครงการ ซึ่งใช้งบฯทั้งสิ้นสูงถึง 24,993 ล้านบาท โดยคณะทำงานชุดนี้มีนางอัญชนา ตราโช รองเลขาฯสศก. เป็นประธาน

ในการนี้ สศก.ได้จัด 19 ทีมสำหรับปฏิบัติงานลงพื้นที่สำรวจข้อมูล ติดตามประเมินผล กำหนดไว้ 2 ช่วงได้แก่ ช่วงที่ 1 เก็บข้อมูล 10-30 มิ.ย. แล้วจัดทำรายงานเดือนก.ค. 2561 และช่วงที่ 2 เก็บข้อมูล 1-31 ส.ค. แล้วทำรายงานเดือนก.ย.2561 โดยกำหนดประเด็นประเมินผล 7 ด้านได้แก่ 1.การรับรู้รับทราบโครงการ 2.การได้รับสนับสนุน ช่วยเหลือหรือจ้างงานจากโครงการ 3.การได้รับองค์ความรู้จากโครงการไทยนิยม ยั่งยืนของกระทรวงเกษตรฯ 4.การนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติในพื้นที่ของเกษตรกร 5.การได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานโครงการ เช่น ลดต้นทุนการผลิต ปริมาณผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น 6.การมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และ 7.ระดับความพึงพอใจต่อการดำเนินงานโครงการในด้านต่างๆ

ทั้งนี้ ทั้ง 19 ทีม จะจัดทำแผนปฏิบัติงานลงพื้นที่และประสานหน่วยงานรับผิดชอบโครงการในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมติดตามประเมินผลและสรุปผลดำเนินงาน พร้อมข้อเสนอแนะต่างๆ เสนอผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ เพื่อปรับปรุง พัฒนางานให้สำเร็จลุล่วง เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรทั่วประเทศต่อไป…

นับเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนทางราชการ เมื่อมีการทำโครงการพิเศษที่ต้องใช้งบประมาณสูงๆ ก็ต้องติดตามประเมินผลที่ได้รับ เพียงแต่กรอบการประเมินทั้ง 7 ด้านนั้น ผมเองเห็นว่า ยังไม่ครบถ้วนเพียงพอ น่าจะมีการเพิ่มเติมเรื่อง“ความโปร่งใส” และไร้คอร์รัปชั่นด้วย

เพราะที่ผ่านมา โครงการพิเศษต่างๆที่กระทรวงเกษตรฯได้รับการจัดสรรงบฯมากมายมหาศาล ด้วยต้องทำงานยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังทุกข์ยากอยู่มากนั้น มักมีข้อครหา“ส่อทุจริต”ติดตามมาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าในยุครัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรือแม้แต่ในรัฐบาล คสช.ยุคนี้ที่ย้ำกันหนักหนาว่า“ต้องไม่มีการโกงเกิดขึ้น”…แต่โครงการต่างๆก็ยังมีเสียงครหาไม่สร่างซา และเป็นข้อครหาที่มีน้ำหนักไม่น้อย เพียงแค่จับไม่ค่อยได้ ไล่ไม่ค่อยทัน เพราะกระจายงบฯลงพื้นที่กว้างขวางมาก

ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร มาถึงโครงการไทยนิยมยั่งยืนในส่วนที่กระทรวงเกษตรฯรับผิดชอบ ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น เพราะแค่งบฯเริ่มจะลงพื้นที่ไม่ทันไร เสียงวิพากษ์วิจารณ์ความไม่ชอบมาพากล ก็ประดังขึ้นแล้ว เริ่มด้วยงบฯอุดหนุนสหกรณ์การเกษตรต่างๆ ที่มีวงเงินถึง 1,791 ล้านบาท พบการจัดซื้อ โดยเฉพาะรถโฟล์คลิฟ รถตัก ที่เป็นชนิดเดียวกัน แต่ต่างสหกรณ์กลับจัดซื้อแพงกว่ากันมาก ทำให้ท่านรมว.กฤษฎา บุญราช เต้นผาง สั่งปลัดกระทรวงฯตั้งคณะกก.สอบสวนให้เสร็จภายใน 15 วัน หากพบทุจริต ก็ให้จัดการตามกฎหมายและวินัยอย่างเฉียบขาด

แม้เรื่องนี้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์-พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ จะยืนยันผลตรวจสอบแล้วว่า ไม่พบการทุจริตงบฯที่อุดหนุนแก่สหกรณ์ใดเลย พร้อมอธิบายความว่า ที่ราคาจัดซื้อโฟล์คลิฟแตกต่างกัน ถึงเป็นรถขนาด 2 ตันเท่ากัน ก็เนื่องจากคุณสมบัติและสมรรถนะการใช้งานไม่เท่ากัน เช่น สามารถยกได้สูงกว่าและยาวกว่า หรือเครื่องยนต์มีความแรง 2000 ซีซี กับ 3000 ซีซี ซึ่งสหกรณ์เป็นผู้กำหนดคุณลักษณะ เพื่อประกวดราคา ทั้งยังกำชับสหกรณ์จังหวัดแล้วให้ติดตามการใช้งบฯให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ทุกขั้นตอนต้องทำรอบคอบและรัดกุม…

ถึงท่านอธิบดีจะอธิบายพอฟังได้เช่นนี้ แต่ก็ดูเหมือนยังลบข้อข้องใจได้ไม่หมดสิ้นนัก

นอกจากงบฯส่วนนี้แล้ว ผมเชื่อว่ารอดูต่อไป อาจจะมีงบฯโครงการไทยนิยมยั่งยืนส่วนอื่นๆที่จะถูกครหาตามมาอีก ดังนั้นถึงได้เห็นว่า กรอบการติดตามประเมินผลของคณะทำงานฯที่ตั้งขึ้น ควรจะดูเรื่อง“ความโปร่งใส”และไร้ทุจริตหรือไม่? ด้วย

หรือถ้าคิดว่า คณะทำงานชุดนี้ซึ่งล้วนแต่เป็นข้าราชการประจำ คงไม่สามารถทำหน้าที่ดูแลเรื่องจับผิดทุจริตได้ ท่านรมว.กฤษฎาก็น่าจะลองตั้งชุดทำงานพิเศษ ดึง“คนนอก”ที่มีความสามารถด้านนี้มาช่วยลงไปสุ่มตรวจความโปร่งใสและส่อทุจริตโดยเฉพาะ ก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง อย่างน้อยก็เพื่อป้องปราม จะได้หวังผลให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้งบฯเพื่อประโยชน์สุขแก่เกษตรกรได้เต็มที่มากขึ้น

สาโรช บุญแสง

Leave a comment