ชายคาพระพิรุณ : 23 กรกฎาคม 2561

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/353088

586851

ชายคาพระพิรุณ : 23 กรกฎาคม 2561

วันจันทร์ ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

“ขุนเกษตรา” รายงานตัวกลับมาเล่าข่าวอีกเช่นเคย…ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีประเด็นสำคัญคือการปฏิรูปภาคเกษตร ด้วยการสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังในพื้นที่ที่เหมาะสม แทนการปลูกข้าวนาปรัง รอบ 2-3 มีพื้นที่ราว 2 ล้านไร่เศษ รองสมคิดได้มอบหมายให้ทางกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์หารือกับภาคเอกชน ในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร ทั้งข้าวโพด มันสำปะหลัง รวมถึงพืชอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรที่จะปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นว่ามีตลาดรองรับแน่นอน ส่วนราคารับซื้อจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาต้นทุนการผลิตและมากกว่าราคาข้าวที่เคยขายได้ นอกจากนี้ยังเตรียมมาตรการสนับสนุนด้านอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ สนับสนุนปัจจัยการผลิตและเงินทุน สำหรับการดำเนินงานด้านสหกรณ์ ได้เตรียมหารือธนาคารทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อต่อยอดกิจการของสหกรณ์การเกษตรที่มีความเข้มแข็ง 800 แห่งทั่วประเทศ และในส่วนสหกรณ์ออมทรัพย์ ได้เตรียมตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย กรมส่งเสริมสหกรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์<https://www.sec.or.th/&gt; เพื่อเข้าไปกำกับดูแลกิจการให้มีประสิทธิภาพ มีการบริหารงานที่เป็นมืออาชีพ และมีความเข้มแข็งต่อไป…

ขณะนี้ ผลผลิตลำไยภาคเหนือเริ่มทยอยออกสู่ตลาดและคาดว่าจะออกมามากในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ได้วางแผนการบริหารจัดการคุณภาพและปริมาณผลผลิตลำไย โดยเน้นกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิต และเห็นชอบให้จังหวัดพัฒนาคุณภาพผลผลิตภายใต้โครงการรณรงค์การผลิตลำไยคุณภาพ โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตัดแต่งช่อผล ตัดต้นเตี้ยมาช่วยในการผลิตในโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (ลำไย) จำนวน 53 แปลง ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพเพิ่มขึ้น เป็นเกรด AA และ A คาดว่าจะมีผลผลิตลำไยคุณภาพออกมาประมาณ 27,000 ตัน และในบางแปลงสามารถผลิตลำไยเกรด AAA ส่งขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น สยามพารากอน ได้ นอกจากนั้น กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำผลผลิตทางการเกษตรเข้าสู่ระบบตลาดออนไลน์ โดยผลผลิตลำไยแปลงใหญ่ ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และน่าน จะเป็นจังหวัดนำร่องในการค้าขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ด้วยระบบ E-Market ผ่าน Thailandpostmart.com โดยแบ่งลักษณะสินค้าออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Business to Business หรือ B2B คือ การขายส่งสินค้าในปริมาณมาก ให้ทั้งตลาด Modern trade โรงแรมห้างสรรพสินค้า ผู้ผลิต เป็นต้น และ Business to Customer หรือ B2C จะเป็นการขายส่งตรงถึงมือผู้บริโภค โดยคาดการณ์ว่าผลผลิตลำไยภาคเหนือ ปี 2561 จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดรวม 654,329 ตัน และจะออกมากในเดือนสิงหาคม ร้อยละ 36.40 เป็นผลผลิตในฤดูกาล 381,498 ตัน และเป็นผลผลิตนอกฤดูกาล 272,831 ตัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 15.74 โดยจะส่งเสริมการบริโภคผลสดภายในประเทศ ประมาณ 28,084 ตัน คิดเป็นร้อยละ 7.36 ด้วยวิธีกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการ Modern Trade วิสาหกิจชุมชน การกระจายผ่านเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร เป็นต้น เพื่อการส่งออก ประมาณ 82,544 ตัน คิดเป็นร้อยละ 21.64 และผลิตภัณฑ์แปรรูป คิดเป็นร้อยละ 71 อาทิ การแปรรูปอบแห้งทั้งเปลือก แปรรูปอบแห้งเนื้อสีทอง ลำไยกระป๋อง น้ำลำไยสกัดเข้มข้น เป็นต้น…

กรมปศุสัตว์เตือนผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนกกรณีมีข่าวการสุ่มตรวจเนื้อไก่แล้วเจอสารตกค้าง ระบุเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ออกตรวจสอบมาตรฐานทั้งที่จุดจำหน่ายและย้อนกลับถึงฟาร์มเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในอาหาร แนะเลือกซื้อเนื้อสัตว์จากฟาร์มมาตรฐาน และจากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่มีการสุ่มเก็บตัวอย่างครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า30,683 ตัวอย่างต่อปี และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์ ที่ได้รับรองตามมาตรฐานสากล ISO17025 เป็นที่ยอมรับในระดับโลก พบว่า สินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยสอดคล้องตามมาตรฐานสากลที่นานาชาติยอมรับ ซึ่งเป็นผลมาจากการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จึงขอให้ผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนกกับข้อมูลข่าวสารต่างๆ เนื่องจากกระบวนการผลิตไก่เนื้อในอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของกรมปศุสัตว์…

ขุนเกษตรา

Leave a comment