ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/355329

รายงานพิเศษ : พระมหากรุณาธิคุณ2พระมหากษัตริย์ไทย อ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของราษฎร จึงพระราชทานพระราชกระแสให้ติดตาม ขับเคลื่อน และเร่งรัด รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรค การดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ บังเกิดประโยชน์สูงสุดกับราษฎร และเพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำเร็จตามวัตถุประสงค์
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำเร็จตามวัตถุประสงค์ คณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในระดับพื้นที่ 4 ภาค ขึ้นมา เพื่อติดตาม ขับเคลื่อน เร่งรัดและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่คณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธาน ได้ติดตามขับเคลื่อน เร่งรัด และบูรณาการให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระราชทานพระราชดำริเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2520 ความตอนหนึ่งว่า “…สมควรจะรีบดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำปี้นี้ โดยเร่งด่วน เนื่องจากจะใช้ค่าลงทุนทั้งโครงการเพียงประมาณ 225 ล้านบาท สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกทั้งสองฝั่งแม่น้ำปี้จนจรดแม่น้ำยมในเขตอำเภอเชียงม่วน ได้ประมาณ45,000 ไร่ ตลอดปี และยังมีน้ำเหลือส่งให้กับการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตโครงการชลประทานแม่ยมได้อีกประมาณ 50,000 ไร่ ด้วย…”
กรมชลประทานได้ทำการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการในปี 2544 ต่อมาได้ดำเนินการศึกษาทบทวนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเก็บกักน้ำ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2557 และเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 คณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติให้เปิดโครงการ พร้อมผ่อนผันการใช้พื้นที่คุณภาพชั้น 1A จำนวน 21 ไร่ โดยมีระยะดำเนินการก่อสร้าง 6 ปี (2559-2564) วงเงินทั้งสิ้น 3,981 ล้านบาท
สำหรับลุ่มน้ำปี้เป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำยม มีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ย 127 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ปัจจุบันมีแหล่งเก็บกักน้ำในลุ่มน้ำปี้เพียง 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากเป็นอ่างฯขนาดเล็กไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ปริมาณมากในช่วงฤดูแล้งจึงเกิดการขาดแคลนน้ำ และในช่วงฤดูฝนก็เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายน้ำเป็นประจำทุกปี

นายประพิศ จันทร์มา
นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง ตัวเขื่อนเป็นคอนกรีตบดอัดแห่งแรกขอประเทศไทยที่ออกแบบโดยกรมชลประทาน สร้างกั้นลำน้ำปี้ ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำยม ที่บ้านปิน ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา สันเขื่อนมีความยาว 810.00 เมตร กว้าง 8.00 เมตร สูง 54.00 เมตร มีความจุที่ระดับเก็บกัก 90.50 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) พร้อมทั้งจะมีการก่อสร้างระบบส่งน้ำโดยท่อความยาวประมาณ 75.00 กิโลเมตร
เมื่อแล้วเสร็จสามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานได้ถึง 28,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง และตำบลสระ มีราษฎรได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น 7,520 ครัวเรือน และยังสามารถส่งน้ำเพื่อสนับสนุนพื้นที่การเกษตรที่รับน้ำจากฝายแม่ยม จังหวัดแพร่ ในช่วงฤดูแล้งได้อีกกว่า 35,000 ไร่ ราษฎรได้รับการช่วยเหลืออีกกว่า 1,500 ครัวเรือน รวมทั้งยังจะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรม ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ท้ายน้ำในเขตอำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ช่วยตัดยอดน้ำที่จะไหลลงสู่ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำเจ้าพระยาในช่วงฤดูน้ำหลาก ตลอดจนช่วยสนับสนุนกิจกรรมการใช้น้ำอื่นๆ เช่น รักษาระบบนิเวศ เป็นแหล่งน้ำเพื่อการประมง และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจซึ่งจะทำให้ราษฎรมีรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพประมงและการท่องเที่ยวในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังได้ให้ความสนใจศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนน้ำปี้ โดยการติดตั้งเครื่องกังหันน้ำผลิตไฟฟ้าจำนวน 2 เครื่อง ขนาดกำลังผลิตเครื่องละ 1 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 6.34 ล้านหน่วย/ปี อีกด้วย
“การดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างหัวงานและอาคารประกอบ ซึ่งกรมชลประทานจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้คือภายในปี 2564 อย่างแน่นอน” รองอธิบดีกรมชลประทานกล่าว
นายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าของการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ภายใต้พระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์ให้หน่วยราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตาม เร่งรัด และขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

สำหรับการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมชลประทานได้วางแผนการขับเคลื่อนโครงการค่อนข้างดี ก่อนที่จะเริ่มโครงการได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี จึงเกิดความเข้าใจและให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของโครงการอย่างเต็มที่ และทางสำนักงาน กปร. จะได้นำไปประกอบการพิจารณาในการขับเคลื่อนโครงการอื่นๆ
นายวิวัฒน์ ปิจจวงศ์ เกษตรกรตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมา ราษฎรในพื้นที่มีน้ำใช้ไม่เพียงพอเพราะแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีน้อย ขณะที่มีราษฎรถึง 3 ตำบล ที่ต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำนี้จึงทำให้น้ำไม่เพียงพอตามความต้องการ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งจะขาดแคลนเป็นอย่างมาก ในขณะที่หน้าแล้งจะไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้เลยเพราะน้ำไม่มี การทำการเกษตรจึงต้องอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก โดยราษฎรส่วนใหญ่จะปลูกข้าว ปลูกข้าวโพด ปลูกต้นยาสูบ และพืชให้ผล ตลอดถึงพืชผักสวนครัว เช่น ผัก และพริก ราษฎรในพื้นที่จึงเห็นด้วยกับการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ฯ แห่งนี้ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ว่า
“โครงการนี้เป็นโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ท่านได้มาสานต่อโครงการ ชาวบ้านเชียงม่วนขอขอบพระคุณ และขอพึ่งบุญบารมีในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ท่านมาสืบสานโครงการต่อให้กับชาวบ้านเชียงม่วน ได้มีน้ำสำหรับประกอบอาชีพอย่างไม่ขาดแคลน ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญ” เกษตรกรตำบลเชียงม่วน กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงทั้ง 2 พระองค์