ส่องเกษตร : เตรียมตัวรับมือภัยคุกคาม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/356295

449007

ส่องเกษตร : เตรียมตัวรับมือภัยคุกคาม

วันพุธ ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

พี่น้องเกษตรกรไทยหลายๆ พื้นที่กำลังเผชิญการคุกคามของภัยน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่รอบเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จุดโฟกัสสำคัญยิ่งเพราะน้ำกำลังล้นเขื่อน ล้น“สปิลเวย์” ขณะที่ยังคงมีฝนตกหนักช่วงนี้อยู่อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องพากันเตรียมการขนย้ายข้าวของหนีขึ้นที่สูง แต่ในส่วนพื้นที่การเกษตรไม่สามารถที่จะโยกย้ายหนีไปไหนได้ ก็ต้องปล่อยให้ท่วมเสียหายไปก่อน รอให้น้ำลดสู่ปกติ แล้วค่อยกลับมาฟื้นฟูกันใหม่…เป็นวิถีที่ยังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ก็หวังว่า ความช่วยเหลือต่างๆจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วให้ทันสถานการณ์และมีประสิทธิภาพ ทั้งในช่วงที่กำลังเกิดน้ำท่วมและโดยเฉพาะหลังจากน้ำลดลง กลับสู่ภาวะปกติแล้ว

ภัยธรรมชาติเรื่อง “น้ำ” ทั้งท่วมและแล้ง นับเป็นภัยคุกคามต่อเกษตรกรไทยอยู่เสมอมา เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำ”ให้ดี จึงยังคงเป็นประเด็นสำคัญยิ่ง ที่ต้องหาทางปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอดเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างยั่งยืนมากที่สุดในอนาคตต่อๆ ไป…

นอกจากภัยคุกคามในสถานการณ์เฉพาะหน้าเรื่อง “น้ำท่วม” นี้แล้ว ยังมี“ภัยคุกคาม” ต่อเกษตรกรไทยอีกมากมาย ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวที่หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯจะต้องตระหนัก ตื่นตัว เตรียมการรับมือให้ทันการณ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ปล่อยให้“ภัย”มาจ่อถึงคอหอย กระทั่งเกิดความเสียหายร้ายแรงขึ้นแล้ว ค่อยลุกลี้ลุกล้นหาทางแก้ไข เหมือนดังที่ผ่านๆมา ซึ่งเป็นภาพสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า “ประสิทธิภาพ”เป็นอย่างไร

และเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเป็น “ภัยคุกคามต่อข้าวไทย” มีสิทธิส่งผลกระทบเลวร้ายต่อชาวนาไทยในอนาคตได้ก็คือ เรื่องที่สหรัฐอเมริกาสามารถปรับปรุงพัฒนา “ข้าวหอมสายพันธุ์ใหม่” ถึง 3 สายพันธุ์ที่มีคุณภาพเยี่ยมทัดเทียมข้าวหอมมะลิของไทยแต่ให้ผลผลิตที่สูงกว่ามาก ซึ่งปลายปีนี้จะประเดิมส่งเสริมให้ชาวนา “ลุงแซม” เพาะปลูกก่อน 1 สายพันธุ์…ข่าวว่า จะให้ผลผลิตสูงถึงไร่ละกว่า 1,600 กก.ทีเดียว!

นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ ระบุ ข้อมูลสถิติการส่งออกข้าวช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวหอมมะลิเฉลี่ย 25-30% ของมูลค่าส่งออกข้าวทั้งหมด โดยตลาดข้าวหอมมะลิอันดับ 1 ของไทยตั้งแต่ปี 2545 ถึงปัจจุบันคือสหรัฐอเมริกา

แต่ที่น่าห่วงคือ การส่งออกหอมมะลิไปสหรัฐมีแนวโน้มลดลงตลอดตั้งแต่ปี 2557 เพราะสหรัฐฯได้พัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์ใหม่ถึง 3 สายพันธุ์ โดยมหาวิทยาลัยอาร์แคนซัสพัฒนาพันธุ์ข้าวหอมจัสมิน “Aroma17” ที่มีกลิ่นหอมทัดเทียมข้าวหอมมะลิไทย ให้ผลผลิตสูง 7,740 ปอนด์/เอเคอร์ (1,388 กก./ไร่) ส่วนมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาพัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์จัสมิน “CLJ 01” มีกลิ่นหอมทัดเทียมหอมมะลิไทย เมล็ดข้าวสวย มีท้องไข่น้อย ผลผลิตสูงถึง 1,645 กก./ไร่ ขณะที่มูลนิธิวิจัยข้าวแคลิฟอร์เนียพัฒนาสายพันธุ์จัสมิน “Calaroma 201”แม้กลิ่นหอมน้อยกว่า แต่เมื่อหุงจะได้ข้าวที่อ่อนนุ่มสูงและให้ผลผลิตสูงถึง 1,695 กก./ไร่

ซึ่งพันธุ์จัสมิน Aroma17 ได้วิจัยและทดลองในแปลงเสร็จสิ้นแล้ว จะเริ่มส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกตั้งแต่ปลายปี 2561 เป็นต้นไป

นายประพัฒน์แสดงความเป็นห่วงมากเพราะเดิมข้าวหอมมะลิก็มีคู่แข่งมากทั้งจากอินเดีย ปากีสถาน เวียดนาม บังกลาเทศ เมียนมากัมพูชา ที่ล้วนมีข้าวหอมพันธุ์ดี หากมีคู่แข่งเพิ่มคือสหรัฐซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ด้วย จะยิ่งมีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยมาก ท้ายสุดชาวนาก็จะเป็นผู้ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เขาจึงเรียกร้องหน่วยงานผู้รับผิดชอบทั้งด้านผลิตข้าว และการค้าข้าว ต้องช่วยกันค้นหาข้อมูลและเตรียมการตั้งรับ เตรียมแก้ปัญหาโดยรีบด่วน

ขณะที่รมช.พาณิชย์-น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร บอกว่า กระทรวงพาณิชย์ติดตามข้อมูลนี้อยู่ ได้ทราบจากผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายข้าวในสหรัฐว่า ตอนนี้มีเพียงสายพันธุ์เดียวที่สหรัฐฯนำมาทดลองตลาด แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักและวางจำหน่ายในตลาดทั่วไป ในระยะสั้นจึงยังไม่มีผลกระทบต่อข้าวหอมมะลิไทย อย่างไรก็ตาม ก็มีแผนจะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรฯรักษาคุณภาพและมาตรฐานข้าวหอมมะลิไทยและพัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์ใหม่ๆที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งจะเดินหน้าประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิไทยเชิงรุกในตลาดสหรัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาตลาดและเร่งขยายตลาดสู่กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ….

ครับ ในระยะสั้นนี้ ผลกระทบยังมีน้อย แต่ในระยะยาว ผมว่า น่าห่วงมาก กรมการข้าวก็ต้องเร่งมืองานวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยมากขึ้น ส่วนชาวนาเองก็คงต้องเร่งปรับตัว หนักขึ้นด้วย

สาโรช บุญแสง

Leave a comment