ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/355541

ไม่ซ้ำรอยปี54! รองอธิบดีปภ.แจงสถานการณ์น้ำ เร่งเฝ้าระวังน้ำโขง-ระบายเขื่อนใหญ่
“รองอธิบดีปภ.”แจงสถานการณ์น้ำ เร่งเฝ้าระวังน้ำโขง-ระบายเขื่อนใหญ่ ชี้ต้องกระทบชาวบ้านให้น้อยที่สุด มั่นใจมีความพร้อมสูงไม่ซ้ำรอยปี54
3 ส.ค.61 ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ ว่า เราให้ความสำคัญอยู่ 2 ส่วน 1.ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ล้นตลิ่งขึ้นมาในบางจุด อย่างเช่น จ.นครพนม จ.มุกดาหาร โดยเฉพาะ จ.อุบลราชธานี ที่วันนี้น้ำลดลงแล้ว แต่ในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) น้ำคงจะขึ้นสูงมาอีก ขณะที่ จ.เชียงราย และ จ.บึงกาฬ ปริมาณน้ำก็ได้ลดลงแล้วเช่นกัน ซึ่งทุกจังหวัดที่น้ำยังล้นตลิ่งบริเวณริมแม่น้ำโขง ก็กำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการสูบน้ำออกในกรณีที่น้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง ส่วนน้ำที่ล้นตลิ่งก็จะใช้วิธีปิดประตูระบายน้ำ แล้วสูบน้ำออก เข้าใจว่าช่วงนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมตลิ่งจะยังประสบปัญหาอยู่บ้าง
รองอธิบดี ปภ.กล่าวต่อว่า ในส่วนที่ 2.ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แม้ช่วงนี้จะน้อยลง แต่ส่งผลต่ออ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะเขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ได้ร่วมกันดำเนินการพร่องน้ำ ให้กระทบกับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด ขณะนี้กำลังระบายน้ำในเขื่อนใหญ่อยู่ประมาณ 3 แห่ง ได้แก่ 1.เขื่อนน้ำอูน ที่อาจส่งผลกระทบต่อบริเวณท้ายเขื่อน 2.เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ยังไม่มีผลกระทบมากเท่าไหร่ และ 3.เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ก็กำลังเร่งพร่องน้ำ ถึงแม้น้ำจากเขื่อนจะไหลเข้าไปยังเขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง
“ทั้ง 2 ส่วนเราต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทาง ปภ.เองก็ได้แจ้งเตือนไปยังจังหวัดเหล่านี้ที่จะได้รับผลกระทบกรณีแม่น้ำโขง และการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ให้อย่างน้อยได้แจ้งทำความเข้าใจประชาชนให้รับทราบถึงสถานการณ์ที่มีความจำเป็น รองรับการอพยพไว้ในบางจุด และประสานนำเครื่องมือต่างๆ เช่น เรือท้องแบน รถยกสูง รวมถึงประสานโรงเรียน หรือสถานที่ราชการต่างๆ ไว้รองรับการอพยพ ส่วนผู้บริหารท้องถิ่น นายอำเภอ จะทำหน้าที่ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนหากจำเป็นต้องอพยพ แต่ถ้าไม่อพยพก็จะน้ำสิ่งอุปโภค บริโภคเข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้กำชับให้ดูแลประชาชนอย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และใช้วิธีบริหารจัดการน้ำให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด” นายกอบชัย กล่าว
รองอธิบดี ปภ.กล่าวต่อว่า ส่วนการตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำ ไม่ได้มีการตั้งศูนย์ของ ปภ.ขึ้นมา แต่จะใช้ศูนย์ที่ สนทช.ดำเนินการ และได้ส่งบุคลากรของ ปภ.เข้าไปร่วมติดตามเฝ้าระวัง เพื่อนำมาแจ้งเตือนประชาชนด้วย ทราบว่าในช่วงหลังวันที่ 5 ส.ค.นี้ จะมีฝนตกลงมาเพิ่ม และอาจทิ้งช่วงเป็นระยะ ดังนั้น เราต้องใช้เวลานี้ในการเร่งพร่องน้ำให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ดี จากการคาดการสถานการณ์ ในช่วงนี้ปริมาณน้ำอาจมีเพิ่มขึ้น แต่คงไม่มาก รวมถึงฝนที่ตกลงมา แต่ภายใน 1 – 2 วันนี้ จะยังไม่มีฝนตกลงมา เพราะฉะนั้นน้ำบางส่วนก็จะลดลงได้ ต้องเข้าใจว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝน โดยเฉพาะในเดือน ส.ค.น้ำทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีประมาณมาก กว่าจะไล่ลงมายังพื้นที่ตอนล่างก็จะอยู่ในช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค.
เมื่อถามถึงข้อกังวลของประมาณน้ำในเขื่อนที่ปีนี้สูงกว่าในปี 54 นายกอบชัย กล่าวว่า เราพยายามคาดการณ์ให้สูงไว้ก่อน แต่จากการหารือกัน ประมาณน้ำในปีนี้สูงกว่าปี 54 เล็กน้อย แต่จากข้อกังวลดังกล่าวถือเป็นข้อดีที่ภาครัฐจะต้องหามาตรการเชิงรุกไว้ก่อน และเก็บข้อมูลเป็นพื้นฐานเบื้องต้น พื้นที่ไหนมีความเสี่ยงสูงก็ต้องไปจัดการทำความเข้าใจก่อน รวมถึงระดมเครื่องมือช่วยเหลือจากที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบไปช่วยเหลือด้วย
เมื่อถามว่า ยืนยันถึงความพร้อมได้หรือไม่ว่าจะไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 นายกอบชัย กล่าวว่า เรามีความพร้อมมาก หากน้ำจะมาก็คงต้องมาแน่ แต่หน้าที่ของเราต้องเข้าไปดูแลให้เร็วที่สุดทุกด้าน โดยเฉพาะการตัดขาดจากการสื่อสาร และตัดขาดจากการสัญจร เราจะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด
“อยากฝากไปยังประชาชนว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำ และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ สิ่งที่ประชาชนจะช่วยได้คือติดตามข้อมูลข่าวสาร ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ” รองอธิบดี ปภ.กล่าว