ปรับปรุงฝายทดน้ำลุ่มท่าเชียด กรมชลเร่งเพิ่มประสิทธิภาพสางปัญหาน้ำ‘พัทลุง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/357683

x

ปรับปรุงฝายทดน้ำลุ่มท่าเชียด กรมชลเร่งเพิ่มประสิทธิภาพสางปัญหาน้ำ‘พัทลุง’

วันพุธ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน มีแผนการปรับปรุงฝายทดน้ำท่าเชียด อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ทั้งระบบตั้งแต่การขยายคลองส่งน้ำ ขุดลอกคลอง เสริมสันฝาย เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสอดคล้องกับกิจกรรมการเพาะปลูกของเกษตรกรที่เปลี่ยนไปจากเดิม ประกอบกับตัวฝายเดิมมีอายุการใช้งานมายาวนานกว่า 47 ปี ระบบชลประทานชำรุดเสียหาย ทำให้น้ำสูญเสียออกนอกระบบเดิมเกือบ 50%

นายยงยุทธ เกิดสินธ์ชัย ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าเชียด กรมชลประทาน กล่าวว่า ฝายท่าเชียดมีความสำคัญในการช่วยส่งน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก และสนับสนุนน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคให้แหล่งชุมชนรวมพื้นที่จำนวน 120,000ไร่ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบชลประทานคือ คลองส่งน้ำที่ใช้มานานพังเสียหาย บางช่วงเป็นคลองจม คลองทรุดและรั่วซึม ทำให้มวลน้ำหายไประหว่างทางเป็นจำนวนมาก กระทบถึงกิจกรรมปลูกพืชของเกษตรกรที่ต้องการเสถียรภาพในการใช้น้ำ หากมีการปรับปรุงซ่อมแซมก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมถึงช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมบริเวณเทศบาลแม่ขรี อ.ตะโหมด ได้ด้วย

สำหรับการแก้ไขปัญหา จะต้องมีการเสริมสันฝายแบบพับได้ขึ้นอีก 1 เมตร ช่วยเพิ่มปริมาณกักน้ำหน้าฝายได้อีกประมาณ 300,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมกักน้ำได้ 500,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้ได้รับน้ำสมบูรณ์มากขึ้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำศึกษาความเหมาะสมเสนอกรมชลประทาน เมื่อเห็นชอบในหลักการจึงจัดทำเป็นแผนปรับปรุงโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าเชียด และตั้งงบประมาณดำเนินการเป็นลำดับต่อไป

ด้าน นายเอิบ ยางสูง อายุ 53 ปี กำนัน ต.เขาชัยสน กล่าวว่า เดิมทีเกษตรกรที่เขาชัยสนปลูกข้าวพื้นที่ร่วม 47,000 ไร่ และเมื่อยางพาราราคาดีจึงหันมาปลูกยางกันหมด พอยางราคาตกทำให้เดือดร้อนกันมากเพราะรายได้มาจากการขายน้ำยางเป็นหลักเพียงอย่างเดียว จึงเห็นพ้องกันว่าต้องเปลี่ยนจากปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามศาสตร์พระราชาในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงจะมั่นคงยั่งยืนที่สุด

“แนวความคิดเริ่มมาจากว่า เรามีน้ำเป็นต้นทุนควรจะใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เริ่มปลูกพืชที่กินได้ก่อนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ในตอนนั้นแม้จะโค่นยางทิ้งไปเยอะแต่ยังคงมีความต้องการใช้น้ำเพื่อมาปลูกผัก ผลไม้หลากหลายชนิดรวมไปถึงนาข้าวด้วย ชาวบ้านจึงอยากได้คลองส่งน้ำที่มีประสิทธิภาพ ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียน้ำ จากการปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกมาได้ 2 ปี พบว่าสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น แม้จะไม่ได้เงินมากเท่าแต่ก่อนแต่เกษตรกรส่วนใหญ่ดำรงชีพได้ดี ยกตัวอย่างที่เห็นชัดจากการปลูกแตงกวา เมื่อก่อนกิโลกรัมละ 10 บาท ตอนนี้กิโลกรัมละ 25 บาท รวมไปถึงพืชผักชนิดอื่นๆ ชาวบ้านจึงมั่นใจกับระบบเกษตรผสมผสานเป้นอย่างมาก” กำนัน ต.เขาชัยสน กล่าว

Leave a comment