เตรียมคิกออฟปลูกข้าวโพดหลังนา ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร-ลั่นไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/368027

news_default

เตรียมคิกออฟปลูกข้าวโพดหลังนา ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร-ลั่นไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

วันพฤหัสบดี ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้ริเริ่มปฏิรูปการบริหารจัดการภาคการเกษตรของไทย เพื่อสนองนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐบาล โดยเริ่มจากการจัดทำโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูการทำนา 2561 ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป โดยมีหลักการดำเนินการ คือ

1) เกษตรกรต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับราคาและเงื่อนไขการรับซื้อผลผลิต รวมทั้งปริมาณความต้องการผลผลิตของตลาดก่อนตัดสินใจลงมือทำการเพาะปลูก 2) รัฐบาลจะต้องมีมาตรการลดความเสี่ยงในการประกอบอาชีพของเกษตรกร เช่น การหาตลาดหรือผู้รับซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วยราคาที่เป็นธรรม การประกันรายได้ขั้นต่ำ การทำประกันภัยพืชผล เป็นต้น และ 3) มาตรการจูงใจเกษตรกร อาทิ การสนับสนุนสินเชื่อเป็นค่าปัจจัยการผลิตและการเตรียมดินผ่าน ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี ของวงเงินไร่ละ 2,000 บาท (ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย) การสนับสนุนเบี้ยประกันภัย 65 บาทต่อไร่ เมื่อได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติจะได้รับชดเชยไร่ละ 1,500 บาท

สำหรับขั้นตอนการดำเนินงาน ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1) ให้คณะทำงานระดับอำเภอประชุมชี้แจงทำความเข้าใจและเชิญชวนเกษตรกรในพื้นที่ ให้ปรับเปลี่ยนจากการทำนาปรังมาปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์ตามความเหมาะสมของคุณภาพดิน
2) ให้ชี้แจงเกษตรกรทราบถึงสิทธิในการกู้เงินจาก ธ.ก.ส. และรัฐบาลทำประกันภัยพืชผลเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติเพิ่มเติมจากเงินชดเชย สาธารณภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง อีกไร่ละ 1,500 บาท โดยรัฐบาลออกค่าเบี้ยประกันให้ไร่ละ 65 บาท 3) ให้จัดส่งคณะวิทยากรจัดการอบรมให้ความรู้ในการปลูกข้าวโพด การลดต้นทุน และการรักษาแปลงแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 4) ให้สหกรณ์การเกษตรหรือวิสาหกิจชุมชนทำหน้าที่รวบรวมเกษตรกรรายย่อยที่เป็นสมาชิก เข้าร่วมโครงการในลักษณะเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งสหกรณ์จะได้รับสิทธิเงินกู้จาก ธ.ก.ส. ในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 0.01 ในนามกลุ่มจาก ธ.ก.ส. ด้วย รวมถึงการส่งเสริมให้สหกรณ์ทำหน้าที่การบริหารจัดการผลผลิต โดยการจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้แก่สมาชิก

5) คณะทำงานระดับจังหวัด อำนวยการในการประสานเอกชนในการรับซื้อผลผลิต โดยเฉพาะเอกชนรายย่อยในพื้นที่ 6) คณะกรรมการอำนวยการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เพื่อเข้าไปทำสัญญารับซื้อข้าวโพดล่วงหน้ากับเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรอย่างเป็นธรรม โดยต้องระบุข้อตกลงในรายละเอียดการทำสัญญารับซื้อให้ชัดเจนในเรื่องต่างๆ คือ ราคารับซื้อ จุดรับซื้อ จำนวนและคุณภาพข้าวโพดที่จะรับซื้อ และเงื่อนไขต่างๆ 7) ให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ในฐานะเลขานุการอ.พ.ก.จังหวัด ประสานกับเกษตรจังหวัด เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการของโครงการในแต่ละจังหวัด และ 8) มอบหมายเกษตรจังหวัดพร้อมทั้งเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อชี้แจงความเป็นมาและรายละเอียดโครงการ รวมทั้งมอบหมายให้เกษตรอำเภอดำเนินการเช่นเดียวกับระดับอำเภอด้วย และชี้แจงในการประชุมกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านประจำเดือนตุลาคม 2561 ด้วย

“การปฏิรูปการบริหารจัดการภาคเกษตรของไทยในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นอย่างมั่นคง เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่งคั่งและยั่งยืนตลอดไป โดยไม่ทิ้งผู้ใดไว้ข้างหลัง” นายกฤษฎา กล่าว

Leave a comment