ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/369437
x
ขยายผลผลิต‘ข้าวกล้อง’ส่งออก สหกรณ์เมืองลับแลต่อยอดโครงการนาแปลงใหญ่
จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินโครงการเกษตรแปลงใหญ่ประชารัฐ โดยใช้กลไกสหกรณ์เป็นตัวขับเคลื่อนนั้น ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ในพื้นที่สหกรณ์ โดยเข้าไปส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่ม ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ วางแผนการตลาดร่วมกัน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเป็นการเพิ่มโอกาส และขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกร โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง ทำให้มีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
สหกรณ์การเกษตรเมืองลับแล จำกัด เป็นอีกหนึ่งสหกรณ์ที่ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมสมาชิกผลิตข้าวกล้องเพื่อการส่งออก ผ่านโครงการนาแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาล โดยส่งเสริมให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการปลูกข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 กข 49 กข 47 ซึ่งเป็นพันธุ์เมล็ดยาว ผลิตเป็นข้าวกล้องเพื่อส่งขายให้กับบริษัท The Natural Growth Co.,Ltd. หรือ NGC เป็นบริษัทที่รับซื้อข้าวกล้องจากสหกรณ์เพื่อส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย
นายพนม แก้วกุลศรี หัวหน้าฝ่ายรวบรวมแปรรูปและส่งเสริม สหกรณ์การเกษตรเมืองลับแล จำกัด เล่าว่า ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรเมืองลับแล จำกัด ส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวทั้งหมด 6,000 ไร่ โดยสหกรณ์ฯจะมีการจัดโซนแปลงปลูกข้าวของสมาชิก โดยสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีแปลงปลูกอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ไม่กระจัดกระจาย เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม ดูแล ซึ่งสหกรณ์ฯจะเข้าไปสำรวจคุณภาพดินในพื้นที่สมาชิกเพื่อเตรียมให้เหมาะสมต่อการปลูกข้าวแต่ละพันธุ์ และจะเน้นให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะไม่มีสารตกค้าง เพื่อให้ได้ผลผลิตตรงตามที่บริษัทต้องการ
นายพนมบอกต่ออีกว่า หลังจากสมาชิกเข้าร่วมโครงการนี้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงมากขึ้น เนื่องจากมีตลาดรองรับที่แน่นอน อีกทั้งสหกรณ์ยังรับซื้อผลผลิตในราคาที่แพงกว่าราคาท้องตลาดทั่วไป ตันละ 500 บาท นอกจากนั้น ยังมีเงินให้สมาชิกกู้ไปลงทุนก่อน ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี โดยให้กู้ไร่ละ 2,500 บาท ตลอดจนสนับสนุนรถหยอด รถดำข้าว ให้สมาชิกใช้ เพื่อลดการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าว จากเดิมที่เคยใช้ประมาณ 25-30 กก.ต่อไร่ ตอนนี้ใช้ไม่เกิน8 กก.กรัมต่อไร่ และเดิมต้นทุนในการผลิตข้าวตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ 3,600 บาทต่อไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง 2,400 บาทต่อไร่ สามารถช่วยต้นทุนลดลงได้ ไร่ละ 1,200 บาท นอกจากนี้ผลผลิตต่อไร่ก็เพิ่มขึ้นด้วย จากเดิมที่ได้เพียงไร่ละ 650 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นเป็นไร่ละ 850-1,100 กิโลกรัมเลยทีเดียว” นายพนมกล่าว