ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/372435
x
นาข้าว‘พิชัย’5หมื่นไร่รอดตาย ‘ฝนหลวง’ปฏิบัติการช่วยสำเร็จ ย้ำเดินหน้าเติมน้ำต้นทุนต่อเนื่อง ขยายตารางบินถึงกลางเดือนพ.ย.
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการช่วยเหลือพื้นที่ปลูกข้าว อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ และพื้นที่การเกษตรที่ต้องการน้ำประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยระมัดระวังและหลีกเลี่ยงพื้นที่การเกษตรที่กำลังเก็บเกี่ยว และยังคงเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนที่มีความต้องการ เพื่อรองรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตรให้มากที่สุด
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์พื้นที่การเกษตรในหลายภูมิภาคของประเทศ พบว่า ยังคงมีพื้นที่การเกษตรที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับพืชที่กำลังอยู่ในระยะเติบโตหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางภาคเหนือบริเวณตำบลนาอินและนายาง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ มีเกษตรกรขอรับบริการฝนหลวง เข้ามาผ่านทางเกษตรอำเภอ เจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่สำรวจพบว่าบริเวณดังกล่าวกำลังปลูกข้าวจำนวนกว่า 50,000 ไร่ เป็นบริเวณพื้นที่ดอนอับฝน มีฝนตกน้อย และอยู่นอกเขตชลประทาน จึงทำให้มีน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของข้าวในระยะตั้งท้องที่คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม จึงเร่งปฏิบัติการช่วยเหลือทันทีเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม โดยทำให้มีฝนตกในพื้นที่ปลูกข้าว วัดปริมาณน้ำฝนได้ 33 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถช่วยหล่อเลี้ยงต้นข้าวให้เจริญเติบโตได้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง
“นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ร้องขอฝนบริเวณจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม หนองบัวลำภู ชัยภูมิ เลย นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และสระแก้ว โดยในภาพรวมของการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 21 ตุลาคม 2561 มีพื้นที่ที่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวนทั้งสิ้น 137.57 ล้านไร่”
อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวง โดยขยายเวลาปฏิบัติการฝนหลวงจากแผนเดิมที่ดำเนินการปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศในวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ให้ขยายเวลาไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ และอาจขยายการปฏิบัติการต่อเนื่องไปจนกว่าสภาพอากาศจะไม่เหมาะสม โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะติดตามสถานการณ์สภาพอากาศจากสถานีเรดาร์ตลอด 24 ชม. ถ้าพบว่าสภาพอากาศเหมาะสมก็จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงทันที ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งให้ระดมกำลังไปปฏิบัติการในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบนี้แล้ว
ทั้งนี้สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆ ที่มีความต้องการนั้น จะช่วยเหลืออ่างเก็บน้ำที่ยังมีปริมาณน้ำเก็บกักน้อย เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำลาด อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ อ่างเก็บน้ำลำมูลบน จังหวัดนครราชสีมา อ่างเก็บน้ำห้วยยาง จังหวัดสระแก้ว เป็นต้น รวมถึงอ่างเก็บน้ำและเขื่อนอื่นๆ ก็จะเร่งปฏิบัติการเพื่อให้มีปริมาณน้ำเก็บกักรองรับฤดูแล้งให้มากที่สุดเช่นกัน
ส่วนผลการขึ้นบินปฏิบัติการเพื่อเพิ่มปริมาณตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน – 20 ตุลาคม 2561 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ จำนวน 121.612 ล้าน ลบ.ม. จากแผนคาดการณ์ 155 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่เกษตรกรและประชาชนสามารถแจ้งขอรับบริการฝนหลวงได้ที่ ตัวแทนอาสาสมัครฝนหลวงในแต่ละพื้นที่หรือแจ้งกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย/ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 5 ภูมิภาค และสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง www.royalrain.go.th