ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/370699
x
ลุยเคลื่อนปลูกข้าวโพดหลังนา เกษตรกรสนใจร่วมโครงการแล้วกว่า8หมื่นราย
นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ เร่งสำรวจพื้นที่และความต้องการของเกษตรกรที่มีความประสงค์เข้าร่วมโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ใน 33 จังหวัด พื้นที่ 2.8 ล้านไร่ ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกข้าวและปรับสมดุลการปลูกพืชให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจเบื้องต้น ณ วันที่ 11 ตุลาคม พบว่า ขณะนี้มีเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8 หมื่นราย พื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาทั้งในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทานกว่า 7.5 แสนไร่ โดยมีพื้นที่ 9 จังหวัดที่เกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการมากที่สุด ดังนี้ 1.อุบลราชธานี 2.เพชรบูรณ์ 3.ศรีสะเกษ 4.อุตรดิตถ์ 5.อุทัยธานี 6.หนองบัวลำภู 7.สุโขทัย 8.สกลนคร และ 9.หนองคาย โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานีและเพชรบูรณ์ เกษตรกรตอบรับเข้าร่วมโครงการพื้นที่กว่า 1 แสนไร่ นอกจากนี้ ยังได้ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอและเกษตรกรผู้นำทั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรเกี่ยวกับโครงการและมาตรการจากภาครัฐ เพื่อช่วยสร้างการรับรู้และถ่ายทอดความรู้เรื่องการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาตามหลักวิชาการที่ถูกต้องอย่างเต็มที่
สำหรับการดำเนินการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาในปีที่ผ่านมา อาจมีอุปสรรคบ้างเกี่ยวกับจุดจำหน่ายและการรับซื้อผลผลิต แต่ปีนี้กระทรวงเกษตรฯได้ปรับระบบใหม่เพื่อลดปัญหาความเสี่ยง และดูแลเกษตรกรให้มากที่สุด ทั้งการถ่ายทอดความรู้ ระบบประกันภัย การให้สินเชื่อ และจัดหาตลาด โดยการนำสหกรณ์การเกษตรและสถาบันเกษตรกร มากำหนดจุดรับซื้อเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรในการขาย และได้ประสานกับภาคเอกชนในการวางระบบการรับซื้อก่อนเริ่มโครงการ โดยซื้อขายกับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมทุกราย จึงขอให้เกษตรกรเชื่อมั่นและวางใจว่าเมื่อปลูกข้าวโพดแล้วไม่มีปัญหาด้านราคาอย่างแน่นอน พร้อมทั้งกำชับให้ผู้บริหารทุกหน่วยงานลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการโครงการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนบูรณาการการทำงานในพื้นที่ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ ไปพร้อมกัน ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีที่ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง