ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/374660

กษ.มั่นใจ!ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มปรับตัวสูงขึ้นใน1-2สัปดาห์
กษ.มั่นใจราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มจะปรับตัวสูงขึ้นในอีก1-2สัปดาห์ เร่งรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ โดยประสาน”ก.พาณิชย์”หาตลาดกระจายสินค้าให้ อีกทั้งเตรียมเสนอ” Egg Board”ลดปริมาณการนำเข้าพ่อแม่และปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ลงอีกร้อยละ10ในปี62 ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตไข่ไก่ลดปริมาณลง ไม่เกิดภาวะล้นตลาด เป็นมาตรการแก้ปัญหาระยะยาว
4 พ.ย.61 นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กำลังเร่งรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งตามที่สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ระบุว่า ราคาไข่ไก่ต่ำสุดในรอบ 30 ปี โดยราคาเหลือฟองละ 1.40 บาทนั้น ไข่ไก่ที่เหลือราคา 1 บาทกว่า คือ ไข่ไก่เบอร์ 6 ซึ่งเป็นขนาดเล็กที่สุดซึ่งผู้บริโภคไม่นิยม ส่วนราคาไข่ไก่เบอร์ 0 ซึ่งเป็นขนาดใหญ่ที่สุดราคาฟองละ 3.30 บาท ส่วนเบอร์ 1 ฟองละ 2.80 บาท และลดหลั่นกันลงไป โดยเบอร์ 2 ราคา 2.55 บาท เบอร์ 3 ราคา 2.35 บาท เบอร์ 4 ราคา 2.25 บาท เบอร์ 5 ราคา 2.00 บาท
ส่วนราคาไข่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยฟองละ 2.30 บาท เมื่อเปรียบเทียบราคาตั้งแต่เดือน ม.ค.ถึงต้นเดือน ต.ค.ราคาไข่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ย 2.54 บาท โดยเบอร์ 0 ราคา 3.54 บาท เบอร์ 1 ราคา 3.04 บาท เบอร์ 2 ราคา 2.75 บาท เบอร์ 3 ราคา 2.55 บาท เบอร์ 4 ราคา 2.45 บาท เบอร์ 5 ราคา 2.24 บาท และเบอร์ 6 ราคา 1.85 บาท ทั้งนี้ ราคาขายไข่แต่ละภูมิภาคได้แก่ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจแตกต่างกัน 10 – 20 สตางค์
นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาไข่ลดลงตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากปริมาณการบริโภคลดลงในช่วงเทศกาลกินเจ ประกอบกับปิดภาคเรียนทำให้มีปริมาณไข่ที่สะสม อีกทั้งในฤดูฝน ไข่มีขนาดฟองเล็ก ผู้บริโภคไม่นิยม แต่ขณะนี้เทศกาลกินเจผ่านไปแล้ว ฤดูฝนสิ้นสุดลง อีกทั้งโรงเรียนเปิดภาคเรียนแล้วและกำลังจะเข้าช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามวงจรของไข่ไก่ ช่วงปลายปีประชาชนบริโภคไข่เพิ่มขึ้น แนวโน้มราคาไข่คละหน้าฟาร์มจะค่อยๆ ปรับขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์นี้
นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีปริมาณพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS) ที่ให้ผลผลิต 521,860 ตัว แม่ไก่ไข่ยืนกรงจำนวน 56 – 57 ล้านตัว ผลผลิตไข่เฉลี่ยประมาณ 44 – 45 ล้านฟอง/วัน ส่วนปริมาณการบริโภคต่อวันเฉลี่ย 42 ล้านฟอง ที่เหลือแปรรูปและส่งออก จึงมีปริมาณไข่ตกค้างประมาณวันละ 1 ล้านฟอง กรมปศุสัตว์ไม่ได้นิ่งนอนใจ นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบันได้ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ และผู้นำเข้าไก่ไข่พันธุ์ผลักดันการส่งออกไข่ไปจำหน่ายต่างประเทศ (PS Support) มาตั้งแต่เดือน เม.ย.รวมแล้ว (258 ตู้คอนเทนเนอร์) ปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงที่อายุ 72 สัปดาห์ จำนวน 857,486 ตัว ตรวจสอบปริมาณการนำเข้า การเลี้ยง และการปลดพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ไม่ให้เกินอายุ 72 สัปดาห์ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) อย่างเคร่งครัด
ล่าสุด ประสานกรมการค้าภายในตามที่สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ร้องขอ โดยเบื้องต้นรับแจ้งจากกรมการค้าภายในว่า จะเชิญหารือเพื่อแก้ปัญหาปริมาณไข่ที่ค้างสะสมโดยการหาตลาดกระจายสินค้าให้ ส่วนในระยะยาวได้ประชุมหารือร่วมกับบริษัทผู้นำเข้าและเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ – ปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ ไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา และมีมติปรับลดแผนการนำเข้าปี 2562 ลงร้อยละ 10 จากแผนปี 2561 ซึ่งจะส่งผลให้ปี 2562 มีปริมาณพ่อแม่พันธุ์ (PS) ไม่เกิน 500,000 ตัว ปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ (GP) ไม่เกิน 4,050 ตัว ให้มีแม่ไก่ไข่ยืนกรงประมาณ 50 ล้านตัว ซึ่งจะให้ผลผลิตไข่ประมาณ 42 – 43 ล้านฟองต่อวัน ซึ่งจะใกล้เคียงกับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกทั้งไข่สดและผลิตภัณฑ์ไข่แปรรูป ทั้งนี้ในการประชุม Egg Board เดือน พ.ย.บรรจุวาระพิจารณาแผนการแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะเป็นแนวทางรักษาเสถียรภาพราคาไข่ไก่ที่มีประสิทธิภาพ
ด้าน นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า การแก้ปัญหาของกรมปศุสัตว์ในการลดการนำเข้าพ่อแม่ – ปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ การลดปริมาณแม่ไก่ยืนกรง รวมถึงการให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่เร่งส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศช่วยแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ได้ส่วนหนึ่ง แต่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีไข่ตกค้างเป็นปริมาณมาก ทำให้ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มที่เกษตรกรขายได้ต่ำกว่าราคาประกาศของสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ โดยสัปดาห์ที่แล้วราคาไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 2.00 – 2.10 แต่ตั้งแต่วันนี้ได้ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรยึดราคาขายที่ฟองละ 2.30 บาท ตามราคาประกาศของสมาคมฯ
ขณะเดียวกันผู้บริโภคยังรับประทานไข่ไก่ในราคาแพงอยู่สวนทางกัน ซึ่งได้ทำหนังสือไปยังกรมการค้าภายในตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.แล้วเพื่อให้หาตลาดกระจายสินค้า โดยอาจทำในรูปแบบไข่ไก่ธงฟ้า ให้ผู้บริโภคสามารถซื้อไข่ไก่จากเกษตกรโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เกษตรกรจะไม่ถูกกดราคา ขณะเดียวกันผู้บริโภคซื้อไข่ได้ในราคาที่ถูกลงกว่าปัจจุบันที่มีการบวกเพิ่มจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งหากผู้บริโภคสามารถซื้อไข่ไก่ในราคาเหมาะสม จะเป็นการกระตุ้นการรับประทานไข่ในประเทศ ที่จะเป็นผลให้ไข่ไก่ไม่ตกค้างและเกษตรกรจะขายไข่ได้ในราคาไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต