ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/373835
x
ประมงแจงปมหมึกราคาตกต่ำ ชี้ผลกระทบเปิดเสรีสินค้าAFTA
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวชาวประมงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคาหมึกตกต่ำ เนื่องจากไทยเปิดให้มีการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำแบบเสรีจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งข้อเท็จจริงจากกรณีดังกล่าวเนื่องจากประเทศไทยเป็นสมาชิกของอาเซียน ซึ่งภายใต้ข้อตกลงทางการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ส่งผลให้ภาษีนำเข้าสำหรับสัตว์น้ำเป็น “ศูนย์” ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ซึ่งเป็นการเปิดเสรีทางการค้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้ภาครัฐไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมปริมาณการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำและราคาได้ ขณะที่ประเทศไทยมีการนำเข้าสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้พบว่าปริมาณการนำเข้าสัตว์น้ำประเภทแช่เย็นแช่แข็งเพื่อการบริโภคมีปริมาณลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การนำเข้าหมึกจากเมียนมากลับมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 11 ทำให้ปริมาณหมึกในภาพรวมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ราคาในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 ฉุดตัวลงร้อยละ 3.5 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาด
ส่วนประเด็นการแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 เพื่อให้การนำเข้าสัตว์น้ำมีความชัดเจนนั้น ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการกำหนดมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary Measures) เพื่อตรวจสอบสารตกค้างและสารปนเปื้อนของสินค้าสัตว์น้ำที่นำเข้าอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว อีกทั้ง ยังมีมาตรการในการควบคุมการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำให้ปราศจากทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบ IUU เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสัตว์น้ำให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค สามารถแปรรูปเพื่อการส่งออกได้ในตลาดโลก ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นอกจากนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ กรมประมงยังได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้เพื่อลดความยุ่งยากในการจัดทำเอกสารต่างๆ เช่น การดำเนินการออกหนังสือกำกับการซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำ (Marine Catch Purchasing Document : MCPD) เพื่อให้การสืบค้นแหล่งที่มาของสัตว์น้ำมั่นใจได้ว่าไม่ได้มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย เป็นต้น
อย่างไรก็ดี กรมประมงได้นัดประชุมหารือร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้า เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันต่อไป