ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/373607
x
เกษตรฯคุมเข้มเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ ย้ำจุดยืนกำกับการใช้ยาในภาคเกษตรและสัตว์อย่างเหมาะสม
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) เพื่อรับทราบการแก้ไขปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพของชาติต่างๆ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยได้ดำเนินงานตามยุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการเพื่อจัดการปัญหาการดื้อยาตามแนวทางสุขภาพหนึ่งเดียว ซึ่งให้ความสำคัญต่อสุขภาพที่ดีของคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ตามแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ.2560-2564 โดยมีเป้าหมายให้ในปี 2564 ภาวะการป่วยจากเชื้อดื้อยาจะลดลงร้อยละ 50 การใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับมนุษย์ร้อยละ 20 และในสัตว์ลดลงร้อยละ 30 ประชาชนมีความรู้เรื่องเชื้อดื้อยาและตระหนักในการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 อีกทั้งประเทศไทยมีระบบจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพที่มีสมรรถนะตามเกณฑ์สากล
โดย กระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบยุทธศาสตร์ “การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยาและควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง” เช่น การพัฒนาระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเชื้อดื้อยาของประเทศแบบบูรณาการ เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพทั้งยาสำหรับมนุษย์และสัตว์ กำหนดให้มีการใช้ยาต้านจุลชีพตามใบสั่งสัตวแพทย์ และลดการใช้ยาต้านจุลชีพในฟาร์มปศุสัตว์และประมง
“ประเทศไทยได้ดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์ของ OIE ซึ่งสอดคล้องกับแผนดำเนินการระดับโลกตามความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของไทยที่ทำอย่างมียุทธศาสตร์ชัดเจน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกับนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งจะสำเร็จได้ต้องใช้ระยะเวลาและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ประเทศไทยมั่นใจว่าแก้ไขปัญหาเชื้อดื้อยาซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนได้บรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้”
นายกฤษฎา กล่าว
ด้าน นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า OIE ในฐานะผู้นำด้านสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์ ได้แก้ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพผ่านการกำหนดมาตรฐานสำหรับการเสริมสร้างขีดความสามารถการทำงานของสัตวแพทย์ ผู้ผลิตสัตว์ และผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ โดยมียุทธศาสตร์ในการจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพและการใช้ยาอย่างสมเหตุผล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 4 ข้อ คือ 1.เพิ่มความตระหนักรู้และความเข้าใจ 2.สร้างความเข้มแข็งของการเฝ้าระวังและการวิจัย 3.สนับสนุนธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการและการเสริมสร้างศักยภาพ และ 4.สนับสนุนการดำเนินการตามมาตรฐานสากล เนื่องจากปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพโลกที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางทั้งต่อประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา เนื่องจากหากมีการใช้ยาต้านจุลชีพในสัตว์อย่างเหมาะสม จะทำให้ไม่ตกค้างในเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อยาต้านจุลชีพด้วย เป็นห่วงโซ่กันไป เมื่อเจ็บป่วยจากเชื้อแบคทีเรียจึงสามารถหายารักษาได้ง่าย ดังนั้นจึงมีข้อเรียกร้องจากเวทีโลกขอให้ทุกประเทศเร่งพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ระดับประเทศเพื่อจัดการปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ OIE ได้จัดประชุมระดับโลกด้านการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพและการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในสัตว์ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2556 เน้นการใช้ยาต้านจุลชีพสำหรับสัตว์อย่างรับผิดชอบและรอบคอบ ขณะที่ต่อมาในการประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 68 ได้รับรองแผนดำเนินการระดับโลกเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพ และมีมติให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศ เร่งจัดทำแผนดำเนินการระดับประเทศเพื่อจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งไทยจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560 – 2464 โดยองค์การอนามัยโลกรายงานว่า ปัจจุบันมีเพียง 67 ประเทศจาก 194 ประเทศที่มีแผนยุทธศาสตร์เชื้อดื้อยาระดับชาติ