เปิดตัวพืชทางเลือกแทนสับปะรด แนะเกษตรกรเร่งปลูกเพิ่มรายได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/383972

เปิดตัวพืชทางเลือกแทนสับปะรด แนะเกษตรกรเร่งปลูกเพิ่มรายได้

เปิดตัวพืชทางเลือกแทนสับปะรด แนะเกษตรกรเร่งปลูกเพิ่มรายได้

วันพฤหัสบดี ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยแนวทางบริหารจัดการสับปะรดในจ.พิษณุโลกและอุตรดิตถ์ ตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri – Map) ที่สอดคล้องกับแนวทางขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์สับปะรด ปี 2560 – 2569 และยุทธศาสตร์สับปะรดด้านการผลิต ระยะที่ 1 (ปี 2561-2564) ซึ่งจ.พิษณุโลกและอุตรดิตถ์ จัดอยู่ในจังหวัดกลุ่มที่ 2 คือ อยู่ห่างไกลจากที่ตั้งโรงงานแปรรูปสับปะรด กำหนดให้เป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกสับปะรดเพื่อการบริโภคผลสด (กลุ่มที่ 1 คือ จังหวัดที่อยู่ในรัศมีรอบกลุ่มโรงงานแปรรูปสับปะรด 100 กิโลเมตร เพื่อกำหนดเป็นพื้นที่ส่งเสริมการปลูกสับปะรดเพื่อส่งโรงงาน)

ผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 จ.พิษณุโลก (สศท.2) ถึงแนวทางบริหารจัดการสับปะรดใน 2 จังหวัดดังกล่าว ดังนี้ การปลูกสับปะรดในพื้นที่ความเหมาะสมมาก (S1) และปานกลาง (S2) จ.พิษณุโลกปลูกสับปะรดในพื้นที่ S1 และ S2 จำนวน 1,695 ไร่ และจ.อุตรดิตถ์ 2,342 ไร่ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องควรมุ่งเน้นให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนสายพันธุ์เป็นสับปะรดบริโภคผลสดที่มีคุณภาพ ทั้งด้านการผลิตและกระบวนการตรวจรับรองมาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เช่น MD2 พันธุ์ฉีกตา หรือที่ตลาดต้องการ รวมทั้งควรส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มและบริหารจัดการภายใต้การส่งเสริมเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่

การปลูกสับปะรดในพื้นที่ความเหมาะสมน้อย (S3) และไม่เหมาะสม (N) จ.พิษณุโลก ปลูกสับปะรดในพื้นที่ S3 และ N รวม 9,224 ไร่ โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจเหมาะสมสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจ 2 ชนิดได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้ มีต้นทุนการผลิต 14,280 บาท/ไร่ผลตอบแทน 34,500 บาท/ไร่ ให้ผลตอบแทนสุทธิ 20,220 บาท/ไร่ ซึ่งตลาดส่งออกทั้งสหภาพยุโรปและเอเชียยังคงต้องการมะม่วงน้ำดอกไม้คุณภาพอย่างต่อเนื่อง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีต้นทุนการผลิต 4,722 บาท/ไร่ ผลตอบแทน 6,559บาท/ไร่ ให้ผลตอบแทนสุทธิ 1,837 บาท/ไร่ โดยภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของไทยมีแนวโน้มต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นวัตถุดิบเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จ.อุตรดิตถ์ มีการปลูกสับปะรดในพื้นที่ S3 และ N จำนวน 6,227 ไร่ มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจเหมาะสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 ชนิด ได้แก่ มะขามจำแนกเป็น 2 ชนิด คือ มะขามหวานมีต้นทุนการผลิต 7,493 บาท/ไร่ ผลตอบแทน 18,450 บาท/ไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 10,957 บาท/ไร่ และมะขามเปรี้ยวต้นทุนการผลิต 3,233 บาท/ไร่ ผลตอบแทน 8,440 บาท/ไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 5,207 บาท/ไร่ ซึ่งต้นทุนการผลิตมะขามหวานจะสูงกว่าเนื่องจากมีค่าใช้จ่าย
ดูแลรักษา มะม่วงหิมพานต์มีต้นทุนการผลิต 4,337 บาท/ไร่ผลตอบแทน 13,370 บาท/ไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 9,033 บาท/ไร่ ซึ่งผลผลิตทั้งมะขามและมะม่วงหิมพานต์ เกษตรกรจะจำหน่ายให้พ่อค้ารับซื้อจากจังหวัดเพชรบูรณ์ และปัจจุบันปริมาณผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

ด้านนายบุญลาภ โสวัณณะ ผู้อำนวยการ สศท.2 กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ยังมี 2 ชนิดสินค้าที่น่าสนใจได้แก่ ถั่วเหลืองและมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพ ทั้งด้านพื้นที่และเศรษฐกิจสำหรับปลูกทดแทนสับปะรดในพื้นที่ S3 และ N โดยผลผลิตถั่วเหลืองยังไม่เพียงพอ ไทยต้องนำเข้ามากถึงเกือบร้อยละ 95 แต่เนื่องจากขาดแคลนแรงงานผลิต การดูแลค่อนข้างยาก เกษตรกรจึงได้ผลตอบแทนไม่ดี ดังนั้น ภาครัฐควรหาแนวทางแก้ปัญหา สนับสนุนให้มีการวิจัยพัฒนาเครื่องจักรกลทดแทนการใช้แรงงานคนเพื่อลดต้นทุน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการวิจัยพัฒนาเมล็ดพันธุ์ดีและราคาเป็นธรรมเพื่อให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก ตลอดจนจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาตลอดอายุการเก็บเกี่ยว เช่นเดียวกับมันสำปะหลัง ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ อีกทั้งมีความต้องการใช้ของอุตสาหกรรมผลิตเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังในประเทศเพิ่มขึ้น ภาครัฐควรเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์จาก 5 ตันต่อไร่ ในปี 2562 เป็น 7 ตันต่อไร่ ในปี 2569 ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ การทำระบบน้ำหยด และการผลิตมันเส้นเอง ตลอดจนเพิ่มมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ควบคู่ไปกับขยายตลาดส่งออก ลดการพึ่งพาตลาดจีนป้องกันความเสี่ยงทางการค้า

Leave a comment