หนังสือเด่น : แล้วจะรู้ได้อย่างไร?ว่า ‘ใครดีที่สุด’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/385922

หนังสือเด่น : แล้วจะรู้ได้อย่างไร?ว่า ‘ใครดีที่สุด’

หนังสือเด่น : แล้วจะรู้ได้อย่างไร?ว่า ‘ใครดีที่สุด’

วันอาทิตย์ ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.

ปัญหาของพวกผู้ใหญ่ ในประเทศไทยตอนนี้ คงเป็นปัญหาที่ทุกคนอยากได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือ “ใครดีที่สุด” เพราะการเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่กำลังจะมาถึงนี้แล้ว

“ใครดีที่สุด” คงเป็นเรื่องที่ตอบได้ยากมาก เนื่องจาก คนเรายังตัดสิน คนดีคนไม่ดี ด้วย อารมณ์ของตัวเอง ไม่ได้เกิดจากวิเคราะห์จากจิตสำนึกที่แท้จริง บนพื้นฐานแห่งความเป็นวิทยาศาสตร์ ในสังคมของทุกคนวันนี้คนที่เรารักมากที่สุด คือคนที่ดีที่สุดของเรา จนกว่า ความรักนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป แม้กระทั่งในสังคมครอบครัว คนที่ดีที่สุด ก็ยังเป็น ลูกที่ พ่อแม่รักมากที่สุด โดยไม่มองถึงความเป็นจริงของ “ค่าแห่งคน”

ความดี หรือ ที่เรียกว่า เป็นคุณค่าของคน มันไม่ได้เกิดขึ้นมาได้เพียงชั่วพลิกฝ่ามือ ความดีต้องได้รับการสั่งสม มาด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ยิ่งเวลาของการสะสมความดีมีมากเท่าไร ขนาดของความดีก็โตมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อความดีต้องเกิดจากจิตและวิญญาณดังนั้น คนจะทำความดีได้นั้น ต้องมีการปลูกฝังมาด้วยเวลา และจิตสำนึก

ใครดีที่สุด เป็นหนังสือ นิทานสำหรับเด็ก เขียนโดย สุมาลี เป็น กลยุทธ์อย่างหนึ่งของการ ปลูกฝังความดีให้กับมนุษย์ตั้งแต่เล็กๆด้วยการใช้เรื่องราวของนิทาน เป็นเครื่องมือของการปลูกฝัง โดย ผู้เขียนจะนำเรื่องราวของสัตว์ต่างๆ ในโลกของสัตว์มาเล่าให้เด็กๆฝังเนื้อหาทุกเรื่อง สนุกสนานชวนให้ติดตาม เพราะชีวิตของสัตว์ในเล่มนี้ จะมีเส้นทางที่แตกต่างกัน มีทั้งความอิจฉาริษยา ความแก่งแย่งชิงดีกัน จากนั้นก็ให้มีสัตว์ตัวอื่นๆ มาตัดสินว่า ใครถูกใครผิด ใครดีกว่าใคร

หนังสือเล่มนี้ ถ้าพ่อแม่จะซื้อมาอ่านให้ลูกๆ ฟังก่อนนอน นอกจากจะสร้างความเพลิดเพลินให้กับลูกๆ แล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เข้าใจได้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่ควร และอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควร และ อะไรคือ คำยกย่องว่าใครดีกว่าใคร

ถ้าสังคมไทย มีการปลูกฝังเด็กๆ มาด้วยวิธีการแบบนี้ตั้งแต่เด็กยังเป็นเด็ก พอมาวันนี้เด็กเหล่านั้นโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ก็คงจะไม่ต้องเจอกับปัญหาว่า “ใครดีที่สุด”

แล้วการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาฯนี้ ก็จะไม่ต้องมานั่งหนักใจเหมือนอย่างที่พวกผู้ใหญ่กำลังเป็นกันอยู่ในเวลานี้

 

 

คู่มือเที่ยวฤดูหนาว อสท ใช่เลย

8 ขุนเขาสะท้านทรวงเพื่อนักท่องเที่ยว

“อสท” นิตยสารเพื่อการท่องเที่ยว ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำหน่ายฉบับละ 85 บาท เกาะติด แหล่งท่องเที่ยวในฤดูหนาว ประจำเดือนธันวาคม พาเที่ยวชม สถานที่อันสวยงาม และเย็นยะเยือกด้วยลมหนาวหลายแห่ง อาทิเรื่อง ปั่นผ่านปลายฝน บนถนนสายชายแดนไทย ท่าลี่-ปากชม, เรื่อง เลย-นาแห้ว ฝนหนาว และทางภูเขา ผ่านสายตาของ
ธเนศ งามสม, เรื่อง ภูหลวง-ภูเรือ มิติความงามที่ไม่เคยจืดจาง,เรื่อง ภูกระดึง ที่ยังสร้างความตะลึงได้เหมือนเดิม และที่พลาดไม่ได้คืองานเขียนของ อภินันท์ บัวหภักดี ในเรื่อง 8 วิถีไทย…เลย ต้องห้าม ทุกเรื่องมีภาพประกอบสวยงามชวนให้อยากไปเที่ยวทั้งนั้น

 

 

แนวคิดการเลี้ยงลูกแบบไม่ดุไม่ตี

แนะพ่อแม่ให้จัดอารมณ์ในการเลี้ยงลูก

“พ่อแม่จ๋า อย่าโกรธหนู” เขียนโดย “โทะกิโกะ โคโซะ” แปลเป็นไทยโดย “กิ่งดาว ไตรยสุนันท์” จำหน่ายเล่มละ 195 บาทเป็นหนังสือ ที่บอกถึงเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกแบบเข้าใจโดยไม่ต้องใช้การลงโทษด้วยการตี หรือ ดุด่า อย่างรุนแรง ซึ่งผู้เขียน ได้รับการยกย่องจากคนญี่ปุ่น ว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งในการสนับสนุนให้ใช้วิธี เลี้ยงลูกแบบไม่ดุไม่ตี เนื้อหาในเล่มจะบอกให้พ่อแม่ได้รู้จักการควบคุมอารมณ์โกรธ เมื่อไม่ถูกใจกับการกระทำของลูกๆ เพื่อไม่ให้ลุกลามจนยับยั้งไม่ได้ถึงขั้นต้องลงมือทำร้ายเด็ก เนื้อหาในเล่มนำเสนอเรื่องราวที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติการได้จริง และได้ผล ซึ่งจะไม่สร้างความเสียใจให้กับพ่อแม่เมื่อระงับอารมณ์ไม่อยู่ถึงกับต้องทำร้ายลูก

 

 

สาวหมาป่ากับนายเครื่องเทศ ยังชวนให้ติดตาม

ความรักที่หวานจนเลี่ยน นั้นเป็นเช่นไร ต้องนี่เลย

 

“สาวหมาป่า กับนายเครื่องเทศ” เขียนโดย นักเขียนชาวญี่ปุ่น นิยายกุ๊กกิ๊ก สำหรับคนวัยหนุ่มวัยสาว ฉบับกระเป๋า เล็กๆ จำหน่ายในราคาเล่มละ 250 บาท เป็นเรื่องราวของ พ่อค้าขายเครื่องเทศ กับสาวหมาป่าที่เดินทางไปด้วยกัน ซึ่งต้องผ่านเรื่องราวการผจญภัย และการเอาตัวรอด ท่ามกลางความรักความเข้าใจที่มีต่อกัน และเหนือสิ่งอื่นใดที่ไม่มีใครจะห้ามได้ก็คือ ความรักของหนุ่ม และสาวทั้งสองนี้ ไม่เพียงแต่ผู้อ่านเท่านั้น ที่อ่านไปแล้วต้องหาของเปรี้ยวมาเคี้ยวแก้เลี่ยน
แม่แต่ บอกอ หนังสือเล่มนี้ยังต้องบอกว่า เป็นความรักที่หวานจนเลี่ยนจนต้องระวังจะเป็นเบาหวาน

 

 

รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย

ครั้งหนึ่งคนจีนก็ยังต้องทำเช่นนี้

“ไฟรักไฟสงคราม” เดินทางมาจนถึงเล่มที่ 12 แล้ว นับว่าเป็น ผลงานของ “จิ่วถู” อีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับการยกย่องจากนักอ่านเช่นเดียวกับเรื่อง ไตรภาคสุยถัง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เมื่อ 1,400 ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับ เรื่อง ไฟรักไฟสงคราม เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เพิ่งจะผ่านมาเมื่อ 70-80 ปีนี้เอง เมื่อจีนถูกญี่ปุ่นรุกราน จนต้องถอยรุ่นจากชายทะเลขึ้นไปอยู่ในแผ่นดินที่ห่างจากทะเลเป็นหลายพันกิโลเมตร และในเหตุการณ์ช่วงนี้เองที่เป็นเหตุให้ พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นอริกับพรรคคอมมิวนิสต์ต้องร่วมมือเลิกเป็นศัตรูกันชั่วคราวเพื่อต้านญี่ปุ่นที่นับเป็นสิ่งที่ดีงามของคนจีนทั้งประเทศที่ยังฝังใจมาถึงทุกวันนี้ถึงเรื่อง ความสามัคคีกู้ชาติ

Leave a comment