#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/464320

กปน.ประสานกรมชลรับมือ น้ำเค็มระลอก2 ทะเลหนุนสูงช่วง8-9มกราคม สั่งคุมค่าความเข้มเจ้าพระยา
กปน.ประสานกรมชลรับมือน้ำเค็มระลอก2
ทะเลหนุนสูงช่วง8-9มกราคม สั่งคุมค่าความเข้มเจ้าพระยา
ภาพรวมคุณภาพประปาปกติ แนะปชช.สำรองน้ำไว้บริโภค
เตรียมพร้อมรับมือน้ำทะเลหนุนอีกระลอก 8-9 มกราคม กรมชลประทานเตรียมแผนเปิด-ปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ คุมค่าความเค็มแม่น้ำเจ้าพระยา ด้าน“กปน.”ประสานกรมชลฯจัดเวลาเปิดสูบน้ำเข้าคลองประปา ลดผลกระทบ ขณะที่ภาพรวมน้ำประปาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ส่งผลต่อการรับรู้รสชาติ แนะประชาชนสำรองน้ำไว้บริโภค
เมื่อวันที่ 5มกราคม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบกรอบรายละเอียดโครงสร้างศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจและแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติน้ำ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้บัญชาการอำนวยการแก้ปัญหาวิกฤติน้ำ และกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ทำหน้าที่ประสานงานการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นไปตาม พรบ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 มาตรา 24 เพื่ออำนวยการแก้ปัญหาวิกฤติน้ำเป็นการชั่วคราวจนกว่าปัญหาวิกฤติน้ำจะพ้นไป ซึ่งแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ปัญหาวิกฤติน้ำ จะแบ่งหน้าที่ปฏิบัติงานออกเป็น กลุ่มอำนวยการ กลุ่มคาดการณ์ กลุ่มบริหารจัดการ และกลุ่มแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมปฏิบัติงาน
โฆษกประจำสำนักนายกฯเผยว่า นายกฯเห็นว่า วิกฤติภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นมีแนวโน้มรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและเตรียมพร้อมรับมือ เพราะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต แต่ยังส่งผลถึงภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ที่ผ่านมาดำเนินงานผ่านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้วิกฤติภัยแล้งปีนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วทันท่วงที ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ตามแผนใช้ทรัพยากรน้ำ ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ที่มีเป้าหมายทุกหมู่บ้านมีน้ำสะอาดอุปโภค บริโภค น้ำเพื่อการผลิตมั่นคง ความเสียหายจากอุทกภัยลดลง คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้การพัฒนาอย่างสมดุล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ วันที่ 7 มกราคม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเห็นชอบกรอบโครงสร้างศูนย์บัญชาการน้ำเฉพาะกิจ และแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ปัญหาวิกฤติน้ำ รวมทั้งเห็นชอบให้สำนักงบประมาณดำเนินการตามพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 โดยพิจารณาจัดสรรงบประมาณ เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนการปฏิบัติงานดังกล่าวตามความจำเป็นต่อไป
ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานเผยว่า สั่งการให้สำนักงานโครงการชลประทานที่ 11 เตรียมแผนบริหารจัดการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นเครื่องมือเสริมควบคุมค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาและภาคการเกษตร เสริมจากการระบายน้ำจากท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทและผันน้ำแม่น้ำแม่กลองมาผลักดันความเค็มช่วงน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้งวันที่ 8-9 มกราคม โดยช่วงน้ำทะเลลงจะเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อผลักดันน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาออก ส่วนช่วงน้ำทะเลขึ้นจะปิดประตูระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำทะเลไหลเข้ามาสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
นายทองเปลวกล่าวต่อว่า ปัจจุบันระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอัตรา 85 ลบ.ม./วินาที โดยยังคงรักษาระดับน้ำหน้าเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมไว้ได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพิ่มการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์มาสำรองไว้ที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยาไว้แล้ว ซึ่งจะระบายมาเจือจางค่าความเค็มด้านท้ายลุ่มน้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้ ยังผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองทางคลองจรเข้สามพันและคลองท่าสาร-บางปลามายังแม่น้ำท่าจีนในอัตรา 25 ลบ.ม./นาที แล้วระบายผ่านคลองพระยาบันลือลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมั่นใจว่าจะควบคุมค่าความเค็มไม่ให้กระทบการผลิตน้ำประปา การเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ และการทำการเกษตรพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาด้านท้ายได้
“ค่าความเค็มอาจสูงกว่าเกณฑ์เฝ้าระวังในช่วงที่น้ำทะเลขึ้น ซึ่งประสานกับการประปานครหลวง เพื่อให้งดสูบน้ำที่ที่สถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานีในช่วงน้ำทะเลขึ้น เมื่อน้ำทะเลลงและตรวจวัดค่าความเค็มไม่เกิน 0.5 กรัม/ลิตร จึงสูบส่งมาต่อมายังโรงกรองน้ำบางเขนเพื่อผลิตน้ำประปาตามปกติ”นายทองเปลวกล่าว และว่า สำหรับการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา ระบายวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. ปรับลดจากช่วงก่อนปีใหม่ที่ระบายวันละ 28 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสำรองไว้ควบคุมค่าความเค็ม จากนี้ไปจะคงการระบายที่ 18 ล้านลบ.ม./วันจนสิ้นสุดฤดูแล้งและต่อเนื่องถึงต้นฤดูฝน ส่วนการผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองมาช่วยมีแผนจะระบายตลอดฤดูแล้ง 500 ล้านลบ.ม.และระบายอีก 350 ลบ.ม. เพื่อให้มีน้ำอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2563 จากนั้นกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าฝนจะตกต่อเนื่อง
นายทองเปลวยังกล่าวถึงกรณีมีความเป็นห่วงว่า ชาวนา 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาปลูกข้าวนาปรังถึง 1.58 ล้านไร่ อาจส่งผลให้ดึงน้ำที่สงวนไว้สำหรับอุปโภค-บริโภคไปใช้ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งล่วงหน้าว่า ไม่มีแผนเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากกรมชลประทานไม่มีน้ำเพียงพอสนับสนุน แต่เกษตรกรส่วนหนึ่งทำนาปรัง เนื่องจากมีแหล่งน้ำของตัวเอง เช่น บ่อบาดาล สระน้ำชุมชุน อีกส่วนหนึ่งปลูกโดยรับทราบความเสี่ยงประสบภาวะขาดแคลนน้ำ ซึ่งแจ้งผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเตือนโดยตลอด แต่ขณะนี้อัตราการปลูกเพิ่มลดลงแล้ว
ขณะที่นายรักษ์ศักดิ์ สุริยหาร รองผู้ว่าการประปานครหลวง (กปน.) ฝ่ายผลิตและส่งน้ำ เปิดเผยว่า ช่วงนี้ค่าความเค็มของน้ำลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ช่วงวันที่ 7-8 มกราคมนี้ จะมีน้ำทะเลหนุนสูงระลอกใหม่ ทำให้มีค่าความเค็มเพิ่มขึ้น ทาง กปน. ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมชลประทาน ในการผันน้ำเพื่อที่จะมาผลักดันน้ำเค็ม รวมทั้งบริหารจัดการในการรับน้ำทะเลหนุนคือ ปิดการสูบน้ำเข้าคลองประปาช่วงที่ค่าความเค็มสูงมาก ส่วนช่วงที่น้ำมีคุณภาพดีตามเกณฑ์ จะสำรองน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด ยืนยันขอให้ประชาชนมั่นใจว่า กปน.มีน้ำเพียงพออุปโภคบริโภคแน่นอน เพราะน้ำทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งน้ำที่มีปริมาณมาก ซึ่งกรมชลประทานและกปน.วางแผนจัดการในภาพรวมอย่างรัดกุม เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุด
วันเดียวกัน การประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยภาพรวมน้ำประปาวันนี้ว่า ค่าคลอไรด์น้อยกว่า 250 มิลลิกรัม/ลิตร ค่าความนำไฟฟ้าน้อยกว่า 1,200 ไมโครซีเมนต์/เซนติเมตร ไม่ส่งผลต่อการรับรู้รสชาติ พร้อมแนะนำประชาชนสำรองน้ำไว้บริโภค ทั้งนี้ ค่าคลอไรด์ต้องมากกว่า 250 มิลลิกรัม/ลิตร ถึงจะส่งผลต่อการรับรู้รสชาติ ตามเกณฑ์แนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO Guideline for Drinking Water 2017)