#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/472766

สศก.ชู‘อะโวคาโด’พืชศก.ทางเลือกใหม่
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)เปิดเผยว่าอะโวคาโด (Avocado) เป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจของจ.เลย สร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีกระแสความต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น จากกลุ่มผู้รักสุขภาพและความงาม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) ติดตามสถานการณ์ผลิตอะโวคาโดในจ.เลยพบว่า มีพื้นที่เพาะปลูก 593 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในอ.ภูเรือ ด่านซ้ายและนาแห้ว ปลูกเฉลี่ย 3 ไร่/ครัวเรือน (ประมาณ25 ต้น/ไร่) เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์ปีเตอร์สัน เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ผลใหญ่ เมื่อผลโตเต็มที่ประมาณ 2-3 ผล/1 กก. และพันธุ์แฮส ซึ่งเป็นพันธุ์การค้าที่ผู้บริโภคนิยม โดยเกษตรกรที่เพาะปลูกอะโวคาโดมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,339 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิตปีที่ 4 และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ระยะยาว) ราคาต้นพันธุ์เพาะเมล็ดแบบคละพันธุ์อยู่ที่ 50-80 บาท/ต้น หากเป็นต้นพันธุ์เสียบยอด ราคา 120-150 บาท/ต้น นิยมปลูกช่วงเดือนพฤษภาคม- มิถุนายน ระยะเวลาเก็บเกี่ยวช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 290 กก./ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย (กำไร) 5,564 บาท/ไร่ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาท/กก. ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอกจ.เลยมารับซื้อ เพื่อส่งขายต่อจ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี ชลบุรีและกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีพ่อค้าบางรายนำมาวางจำหน่ายที่ร้านริมทางถนนเลย-ภูเรือ มีราคาขายปลีกเฉลี่ยอยู่ที่ 60-100 บาท/กก.
สำหรับผลผลิตอะโวคาโดของ จ.เลย อายุอยู่ในช่วง 4 – 5 ปี โดยจะเริ่มให้ผลผลิตปีแรก แต่ยังไม่มาก ทั้งนี้ เกษตรกรควรเลือกสายพันธุ์ตามความต้องการของตลาด และเป็นพันธุ์แท้ ควรปลูกในที่ดอน น้ำไม่ท่วมขัง และต้องใส่ปุ๋ยอินทรีย์ใต้โคนต้นทุกปี รวมถึงต้องเก็บเกี่ยวเฉพาะผลที่แก่จัดเท่านั้น จึงจะได้ผลผลิตที่รสชาติดี มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด
ด้านนางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผอ.สศท.3 กล่าวเสริมว่า จ.เลย สนับสนุนเกษตรกรปลูกอะโวคาโด ภายใต้โครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชในพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นไม้ผล ทำให้จำนวนเกษตรกรและพื้นที่เพาะปลูกอะโวคาโดของจ.เลย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคตควรส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอะโวคาโดในรูปกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ ด้านหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย ควรสนับสนุนการวิจัยพัฒนาพันธุ์มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด และองค์ความรู้ให้เกษตรกร ยกระดับขีดความสามารถผลิตแข่งขันในตลาดโลก โดยถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบจัดการผลิต แนวทางลดต้นทุน รวมถึงส่งเสริมให้แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตอะโวคาโด และยังสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่ปลูกอะโวคาโดเพิ่มขึ้นอีกทาง ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจข้อมูลด้านการผลิตอะโวคาโด สอบถามได้ที่ สศท. 3 โทร. 0-4229-2557 หรืออีเมล zone3@oae.go.th