วางมาตรการเข้มฝ่าวิกฤติน้ำน้อย3จว.EEC #ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย

#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/local/478621

news_default

วางมาตรการเข้มฝ่าวิกฤติน้ำน้อย3จว.EEC

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

กรมชลประทานบูรณาการจับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการเข้มรับมือสถานการณ์เสี่ยงขาดแคลนน้ำและรักษาเสถียรภาพความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ 3 จังหวัด EEC วอนทุกฝ่ายให้น้ำอย่างประหยัด มั่นใจมีน้ำเพียงพอแม้ฝนจะมาช้าหลังเดือนมิถุนายน 2563

ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงแผนบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2563 ภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา ว่า ในส่วนจ.ระยองมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักที่ใช้การได้้รวม 58.0 ล้านลบ.ม. คาดการณ์ฤดูแล้ง ปริมาณน้ำเพียงพอถึงสิ้นฤดูแล้ง 30 มิถุนายน 2563 และเหลือน้ำใช้การอีกประมาณ 8.0 ล้านลบ.ม. อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการสำรองน้ำกรณีฝนตกช้ากว่าเดือนมิถุนายนมีมาตรการคือ เชื่อมเส้นท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์-อ่างฯ คลองใหญ่ กับท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์- อ่างฯหนองปลาไหลมาลงอ่างฯหนองปลาไหล สูบผันน้ำวันละ 0.5 ล้านลบ.ม. โดยเริ่มสูบน้ำตั้งแต่ 31 มกราคมที่ผ่านมาแล้ว พร้อมแบ่งปันน้ำจากอ่างฯประแกด ระบายลงคลองวังโตนด และใช้ระบบสูบผันน้ำคลองวังโตนด มาเติมอ่างฯประแสร์ เพิ่มน้ำต้นทุน 10 ล้านลบ.ม. เริ่มสูบผันน้ำตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2563 และสูบผันน้ำจากอ่างฯ คลองใหญ่ มาลงอ่างฯหนองปลาไหล เพื่อรวมปริมาณน้ำมาใช้ในอ่างหนองปลาไหล 3 ล้านลบ.ม. เริ่มสูบผันน้ำตั้งแต่ 29 กุมภาพันธ์ 2563

นอกจากนี้ จะวางท่อในคลองน้ำแดงต่อจากด้านท้ายท่อผันน้ำอ่างฯประแสร์ – อ่างฯคลองใหญ่ เพื่อเพิ่มปริมาณการสูบผันน้ำจากอ่างฯประแสร์วันละ 150,000 ลบ.ม. รวมทั้งจะสูบน้ำกลับคลองสะพานเติมอ่างเก็บน้ำประแสร์ได้ปริมาณน้ำรวมประมาณ 10 ล้าน ลบม. ซ่อมแซมระบบสูบกลับวัดละหารไร่ (แม่น้ำระยอง) เติมอ่างฯ หนองปลาไหล เพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำระยองวันละ 100,000 ลบ.ม. และ 7. สูบใช้น้ำคลองน้ำหู เมื่อมีฝนตก เพื่อลดการใช้น้ำจากอ่างฯ หนองปลาไหล วันละ 50,000 ลบ.ม.

สำหรับจ.ชลบุรีมีปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างฯหลัก เพื่อใช้ผลิตน้ำประปาและใช้ในภาคอุตสาหกรรม 31.0 ล้านลบ.ม. คาดการณ์ปริมาณน้ำไม่เพียงพอถึงสิ้นฤดูแล้ง เดือนมิถุนายน ขาดน้ำประมาณ -7.1 ล้านลบ.ม.ได้วางมาตรการรองรับคือ ประสานเจรจาซื้อน้ำจากบ่อดินเอกชน เสริมเข้าในระบบของการประปา และของบริษัท East Waterขุดลอกคลองหลวง เพื่อระบายน้ำจากอ่างฯคลองหลวง มาที่สถานีสูบพานทอง และสูบผันมาเติมในอ่างฯบางพระได้ 3 ล้านลบ.ม.พร้อมทำการสูบผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง มาเพิ่มปริมาณน้ำอ่างฯ

ส่วนจ.ฉะเชิงเทรา (ฝั่งซ้ายแม่น้ำบางปะกง) มีปริมาณต้นทุนจากอ่างฯหลัก 45.3 ล้านลบ.ม. เพียงพอใช้ในกิจกรรมต่างๆจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน และยังสำรองกรณีฝนตกล่าช้าอีก 30 ล้านลบ.ม.

อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพสูงสุดให้น้ำในพื้นที่ EEC ไม่เกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำ จึงมีมาตรการเพิ่มเติมในฤดูแล้งปีนี้ โดยรณรงค์ให้ผู้ใช้น้ำ ลดใช้น้ำทุกภาคให้ได้ 10%ให้โรงไฟฟ้าเอกชนในจ.ระยอง ชลบุรี หยุดเดินระบบอยู่ในโหมด Stand Bye หรือเดินระบบเท่าที่จำเป็น เพื่อลดใช้น้ำหล่อเย็น รวมทั้งจะควบคุมการสูบน้ำไม่ให้เกินจำนวนที่ในแผนที่กำหนดรายวัน และให้การประปาส่วนภูมิภาคสาขาพัทยา เตรียมแผนติดตั้งระบบสูบน้ำเคลื่อนที่จากอ่างฯห้วยตู้ 1,2และ อ่างฯมาบฟักทอง 1,2 รวม 3 ล้านลบ.ม. ถ้าดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้ดังกล่าวจะมีน้ำเพียงพอถึงเดือนมิถุนายนและมีสำรองกรณีฝนมาล่าช้าแน่นอน

Leave a comment