#ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/lady/504356

พัฒนาหลักสูตรการแพทย์ รับมือโรคอุบัติใหม่ในอนาคต
วันศุกร์ ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
ด้วยพระอัจฉริยภาพและความสนพระทัยด้านวิทยาศาสตร์และด้านการแพทย์ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการมุ่งมั่นพัฒนางานด้านการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และการคิดค้นองค์ความรู้ใหม่ผ่านกระบวนการวิจัยที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อเกิดประโยชน์กับสังคมไทย ทั้งในเมืองและชนบทที่ห่างไกล จึงทรงมีพระดำริพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (หลักสูตรใหม่ พ.ศ.2563) โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร (7 ปี 2 ปริญญา) เพื่อการศึกษาการแพทย์แห่งอนาคต ก้าวขึ้นสู่ “The Futuristic Medical Education” โดยมุ่งหวังให้บัณฑิตแพทย์ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นอกจากจะเป็นแพทย์ที่มีทักษะทางวิชาชีพที่เป็นเลิศ มีคุณธรรมจริยธรรมแล้วยังต้องเป็นแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถด้านการวิจัย รู้จักกระบวนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อเตรียมพร้อมเป็นแพทย์แห่งอนาคต
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และ อธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ (ววจ.) เผยถึงการแพทย์ยุคใหม่ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องปรับตัวรับมือกับโรคอุบัติใหม่นำมาสู่การค้นคิดและร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรของ ววจ. นั้นโดยคุณสมบัติบัณฑิตที่พึงประสงค์ ข้อแรกคือการบ่มเพาะให้เขามีความเป็นมนุษย์มากขึ้น สอง ต้องพร้อมรับในความเปลี่ยนแปลง สาม รู้จักคิดวิเคราะห์เป็นระบบ รู้จักการใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ ข้อสุดท้าย สิ่งสำคัญที่เด็กรุ่นใหม่ๆ ต้องมีคือ ความร่วมมือระหว่างวิชาชีพเพื่อให้เกิดการคิดวิเคราะห์หาตัวยาใหม่ๆ เพื่อรับมือไวรัสโควิด-19 และโรคอุบัติใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
_resize%20(1).jpg)
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์
สำหรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตหลักสูตรใหม่ พ.ศ.2563 ( 7 ปี 2 ปริญญา) ศ.นพ.นิธิมหานนท์ เผยว่า “คือการบูรณาการความร่วมมือระหว่างราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กับมหาวิทยาลัยยูซีแอลสหราชอาณาจักร และเครือข่ายสถาบันการแพทย์ชั้นนำของประเทศ ได้แก่ โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นสถานฝึกปฏิบัติทางคลินิกหลักในหลักสูตรนี้ โดยมีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และโรงพยาบาลพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโรงพยาบาลร่วมสอนโดยหลักสูตรได้พัฒนาทั้งวิธีการเรียนการสอน การประเมิน การติดตามผลที่มุ่งบูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เทคโนโลยี และคิดค้นนวัตกรรม พร้อมโอกาสที่จะได้เข้าร่วมศึกษาและทำงานวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ณ มหาวิทยาลัยยูซีแอลสหราชอาณาจักร โดยได้ยกระดับหลักสูตรการเรียนการสอนสู่มาตรฐานสากลเพื่อการผลิตบัณฑิตแพทย์ที่มีศักยภาพขั้นสูง นักศึกษาแพทย์ที่ได้เข้ามาศึกษาในหลักสูตรนี้จะใช้ระยะเวลาเรียน 7 ปี และเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับ 2 ปริญญา คือ ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต (พบ.) MD จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และปริญญา iBSc จากมหาวิทยาลัยยูซีแอล สหราชอาณาจักร ทั้งนี้ได้รับนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกไปแล้วจำนวน 32 คน ในปี พ.ศ.2563”
“กรณีไวรัสโควิด-19 โรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่มีคำแนะนำในตำราในการรักษาโรค ประการสำคัญที่ประเทศไทยยังต้องพัฒนา คือ การเก็บข้อมูล การคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล การเตรียมความพร้อม และวิเคราะห์แบบวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ เพื่อใช้วิเคราะห์การแพร่ระบาดในเมืองไทย
ดังนั้นการศึกษาการแพทย์แห่งอนาคต เพื่อก้าวขึ้นสู่ The Futuristic Medical Education คือการสร้างแพทย์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีจิตอาสา ทำประโยชน์เพื่อช่วยเหลือชุมชนและสังคม แพทย์ที่มีทักษะวิชาชีพที่เป็นเลิศ สอดคล้องกับมาตรฐานแพทยสภาและมาตรฐานสากล WFME และต้องเป็นแพทย์ที่สามารถดูแลผู้ป่วยและครอบครัวอย่างเป็นองค์รวม โดยรู้จักรักษาโรค รักษาใจ รักษาคน รวมถึงรู้จักคิดค้นคว้าวิจัย สร้างองค์ความรู้ใหม่ และนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน สนองต่อพระปณิธานองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ กล่าวในที่สุด