ไมโครซอฟท์นำโครงการระดับโลก ‘AI for Good’ มายังประเทศไทย #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ผู้หญิง – ไมโครซอฟท์นำโครงการระดับโลก ‘AI for Good’ มายังประเทศไทย (naewna.com)

ไมโครซอฟท์นำโครงการระดับโลก ‘AI for Good’ มายังประเทศไทย

ไมโครซอฟท์นำโครงการระดับโลก ‘AI for Good’ มายังประเทศไทย

วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 06.00 น.

AI เพื่อสิ่งแวดล้อม โครงการ “Sensor for All”

ไมโครซอฟท์สานต่อพันธกิจในการเสริมศักยภาพให้กับทุกคนและทุกองค์กรนำโครงการระดับโลก “AI for Good”สู่ประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม AI สรรสร้างแนวคิดและแนวปฏิบัติใหม่ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับคนไทยในทุกระดับและทุกภูมิภาค บนพื้นฐานของความปลอดภัยและไว้ใจได้ สร้างความอุ่นใจให้กับทุกคน โดยโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้นักคิด นักสร้างสรรค์ในไทยได้ใช้ศักยภาพทางเทคโนโลยีเต็มรูปแบบจากคลาวด์ และ AI ของไมโครซอฟท์ เพื่อจุดประกายการพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน เปิดกว้าง และเท่าเทียมยิ่งขึ้น

โครงการ AI for Good ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยปัจจุบันครอบคลุมการพัฒนาใน 5 ด้านได้แก่ AI for Earth – การแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก, AI for Health-การสร้างเสริมสุขภาพทั้งในระดับตัวบุคคลและชุมชน, AI for Accessibility-การเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้มีความบกพร่อง, AI for Humanitarian Action-การยกระดับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้อพยพและไร้ถิ่นฐาน พร้อมปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงความต้องการพื้นฐานของผู้หญิงและเยาวชน และ AI for CulturalHeritage-การรักษามรดกและภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไปอย่างมีคุณค่า

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับประเทศไทยแล้ว เส้นทางการพัฒนานวัตกรรม AI เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และยังมีโอกาสอีกมากให้เราได้ค้นหาและสร้างสรรค์ต่อไป ในภาคธุรกิจ AI ได้พิสูจน์ตัวเองไปแล้วในฐานะเทคโนโลยีที่สามารถขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้พลิกรูปแบบและเติบโตต่อไปได้ แต่เราเชื่อว่า AI สามารถยังมีศักยภาพอีกมากในการทำให้โลกของเราเติบโตอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น สร้างโอกาสให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับทุกคน เรากำลังเปลี่ยนความเชื่อนี้ให้กลายเป็นความจริงผ่านโครงการ AI for Good ซึ่งพร้อมสนับสนุนให้นักคิดในประเทศไทยได้นำเทคโนโลยีมาสานฝันของพวกเขาให้เป็นจริง”

เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ

AI เพื่อความเท่าเทียม : วัลแคน โคอะลิชั่นเปิดประตูสู่โอกาสจาก AI ให้กับผู้ที่มีความบกพร่อง โดย บริษัท วัลแคน โคอะลิชั่น ธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งพัฒนา AI ด้วยทรัพยากรข้อมูลจากฝีมือของผู้พิการ ถูกก่อตั้งขึ้นภายใต้แนวคิดที่ว่าคนทุกคนมีความสามารถพิเศษเฉพาะของตัวเอง ซึ่งแนวคิดนี้ได้จุดประกายโครงการล่าสุดของทางบริษัท นั่นคือการสร้างสรรค์โซลูชั่นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการสามารถตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย อาการป่วย และเช็คอินเมื่อเข้าสู่สถานที่หรืออาคารต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถใช้กล้องตรวจสอบว่าแต่ละคนใส่หน้ากากอยู่หรือไม่ ด้วยระบบ AI ที่ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azureทีมงานของวัลแคนตระหนักดีว่าการฝึกสอน AI ที่สามารถแยกแยะภาพใบหน้าคนใส่หน้ากากได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลภาพถ่ายจำนวนมากด้วยเหตุนี้ ทางทีมงานจึงตัดสินใจนำกลุ่มผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินให้เข้ามามีบทบาท ใช้ความไวในการสังเกตการณ์ด้วยสายตามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบการฝึก AIในระบบ Vulcan Data Labeling Platform เพื่อสร้างความสามารถที่เหนือขึ้นไปอีกให้กับระบบ

นางสาวเมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัลแคน โคอะลิชั่น กล่าวว่า“ในประเทศไทย การพัฒนา AI ยังมีขีดจำกัดจากปริมาณข้อมูลที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการรับรองความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของ AI ในการใช้งานจริง การชักชวนให้ผู้พิการเข้ามาสวมบทบาทผู้ฝึก AI ในโครงการ AI Trainers by Disabilities ของเรา จะช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดนี้และลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการจ้างงานให้กับพวกเขาไปพร้อมๆ กัน โดยในท้ายที่สุดแล้ว จะช่วยให้สังคมสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้ เราจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ ควบคู่กับความร่วมมือกับพันธมิตรที่เหมาะสม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้แน่ใจว่าโอกาสที่เรามอบให้จะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่มีความต้องการโอกาสนั้นมากที่สุดได้”

ทีมวัลแคน โคอะลิชั่น

เพื่อเป็นการสานต่อศักยภาพของระบบนี้วัลแคน โคอะลิชั่น ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital EconomyPromotion Agency หรือ DEPA) และบริษัทเอกชนจากหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเตรียมความพร้อมผู้พิการด้วยทักษะเชิงดิจิทัลที่จำเป็นและช่วยให้พวกเขาก้าวต่อไปได้ในยุคดิจิทัล ในฐานะผู้ฝึก AI

นอกจากนี้ ทีมวัลแคน โคอะลิชั่น ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน AI forAccessibility Virtual Hackathon ในประเทศไทยโดยการแข่งขันดังกล่าวเปิดให้พันธมิตรของไมโครซอฟท์ นักพัฒนาอิสระ สตาร์ทอัพ และมหาวิทยาลัยใน 9 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้เข้าชิงชัยด้วยการคิดหาวิธียกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการและผู้ที่มีความบกพร่องใน 3 ด้านใหญ่ๆ ดังนี้1.ความปลอดภัยและสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน 2.การสื่อสารและสานสัมพันธ์กับผู้อื่น 3.การเพิ่มโอกาสในการทำงาน

AI เพื่อสิ่งแวดล้อม: โครงการ “Sensor for All” โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 บนเส้นทางสู่อากาศบริสุทธิ์ พร้อมสร้างความตระหนักรู้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทย ภายใต้จุดมุ่งหมายที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดตั้งโครงการ Sensor for All เพื่อรวบรวมความเชี่ยวชาญและทรัพยากรจากหลากหลายอุตสาหกรรมและภาคส่วนมาเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์นี้ร่วมกัน ซึ่งในปี 2561 โครงการดังกล่าว ได้ผ่านการคัดเลือกให้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการ AI for Earth ของไมโครซอฟท์ ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ทีมงาน Sensor for All ได้รับทรัพยากรบนระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์รวมเป็นมูลค่า 30,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของโครงการ รวมถึงการสร้างแดชบอร์ดข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่ทำงานบนแพลตฟอร์มคลาวด์ Microsoft Azure ด้วย

ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล กับโครงการ “Sensor for All”

โครงการ Sensor for All ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่สามอย่างเต็มตัวแล้ว โดยยังคงได้รับการสนับสนุนจากโครงการ AI for Earth อย่างต่อเนื่องภายใต้แผนงานเพื่อขยายเครือข่ายเซ็นเซอร์ไปยัง500 จุดทั่วประเทศ นอกจากจำนวนเซ็นเซอร์ที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว อุปกรณ์แต่ละชิ้นยังจะได้รับการตั้งค่าและทดสอบโดยละเอียดเพื่อให้สามารถแยกแยะอนุภาคฝุ่นออกจากอนุภาคอื่นๆ ในอากาศเช่น ละอองน้ำ ได้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังจะมีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Sensor for Allอย่างเป็นทางการสำหรับสมาร์ทโฟนเร็วๆ นี้

ด้าน ศ.ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสริมว่า “ตลอดปีหน้านี้ ระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์จะเข้ามาช่วยขยายความสามารถของโครงการ Sensor for All ในหลายๆ ด้าน นอกเหนือจากการรายงานการวัดค่า AQI PM2.5 และ PM10แบบเรียลไทม์แล้ว เรากำลังคิดค้นวิธีที่แม่นยำมากขึ้นในการประเมินระดับมลภาวะทางอากาศที่ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นแต่ละรายได้สัมผัสจริง และเรายังจะใช้ความสามารถของ AI ในการคาดการณ์ระดับมลพิษทางอากาศล่วงหน้า เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถเตรียมตัวและป้องกันตนเองได้ดีขึ้น”

ผู้สนใจสามารถค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับระบบแดชบอร์ดนี้ได้ที่ ศูนย์ข่าวสารประเทศไทยของไมโครซอฟท์ (http://news.microsoft.com/th-th/) และทวิตเตอร์ @MicrosoftTH

Leave a comment