สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : จุดเปลี่ยนการบริหารทรัพยากรน้ำ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ในประเทศ – สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : จุดเปลี่ยนการบริหารทรัพยากรน้ำ (naewna.com)

สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : จุดเปลี่ยนการบริหารทรัพยากรน้ำ

สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : จุดเปลี่ยนการบริหารทรัพยากรน้ำ

วันศุกร์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 หน่วยงานด้านน้ำหน่วยงานใหม่ได้จัดตั้งขึ้นตามคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 46/2560 ภายใต้ชื่อ “สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)” ทั้งนี้เพื่อต้องการให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว ลดความซ้ำซ้อน ของหน่วยงานด้านน้ำ โดยจะทำหน้าที่ในการบูรณาการงาน ข้อมูล แผนงาน โครงการ งบประมาณ ตลอดจนการติดตามประเมินผล และการควบคุมการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ผ่านไป 3 ปี ก้าวขึ้นปีที่ 4 ผลงานสทนช.เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น จากเดิมที่หลายคนมองว่า สทนช.จะเป็แค่เสือกระดาษทำอะไรไม่ได้แน่นอน!!!!

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. คนแรกและคนปัจจุบัน สามารถนำทัพขับเคลื่อนภายใต้ขีดจำกัดในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร เครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน สถานที่ทำงานกฎหมายที่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน การหวงงานดึงหรือถ่วงเรื่องจะของงานเดิม เป็นต้น แต่ก็สามารถขับเคลื่อนผลออกได้อย่างน่าพอใจ

ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการขับเคลื่อนแผนแม่บทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ซึ่งมี 5แผนงานและอีก 1 แนวทาง คือ แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำเสียชุมชน 20 ปี แผนปฏิบัติการโครงการเพื่อการพัฒนาปี 2562-2563 แผนหลักการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน แผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำต้นทุน จ.ภูเก็ต แผนบูรณาการอุตุนิยมวิทยาเขตร้อนปี 2562-2563 และแนวทางด้านการจัดการคุณภาพน้ำ

นอกจากนี้ สทนช.ยังได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญอีก 526 โครงการ ในจำนวนนี้เป็น โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ถึง151 โครงการ รวมทั้งยังได้บูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณด้านทรัพยากรน้ำและติดตามประเมินผลโครงการรวมๆ แล้วมากกว่า 50,000 โครงการ มูลค่าเกือบ 200,000 ล้านบาท

ทุกโครงการมุ่งประโยชน์สู่งสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ก็เป็นอีกผลงานหนึ่งที่ สทนช.ผลักดันจนประสบผลสำเร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกกฎหมายลำดับรอง หรือ กฎหมายลูก เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ทั้งในเรื่อง การใช้น้ำ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟูอนุรักษ์ และการรวมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ขับเคลื่อนภารกิจด้านน้ำไปในทิศทางเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกมิติที่มีความสมดุลและยั่งยืน

พระราชกฤษฎีกากำหนดลุ่มน้ำ พ.ศ….. ซึ่งเป็นกฎหมายลูกฉบับแรกได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างทูลเกล้าฯเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โดยจะแบ่งลุ่มน้ำใหม่จาก 25 ลุ่มน้ำเหลือ 22 ลุ่มน้ำ และกฎหมายลูกอีกฉบับคือ กฎกระทรวงองค์กรผู้ใช้น้ำ พ.ศ…….. กำลังอยู่ขั้นตอนการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา

กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับนี้มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยสร้างกลไกการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถจัดสรรน้ำได้อย่างเท่าเทียมทั่วถึง และเป็นธรรม

รายละเอียดจะความสำคัญและมาเล่าให้ฟังในวันศุกร์หน้าครับ….
 

รัฐศักดิ์ พลสิงห์

Leave a comment