#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/541036

สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : โควิด-19พลิกวิกฤติเป็นโอกาส
วันศุกร์ ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศค่อนข้างรุนแรงครอบคลุมไปทั่วทุกธุรกิจ
ยางพาราก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ราคายางมีแนวโน้ม ปรับตัวลดลงตามราคาตลาดล่วงหน้าปรับตัวที่ปรับตัวลง เพราะมีความกังวลจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยลบ ก็มีปัจจัยบวกหนุนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกยางพาราของไทย
ในขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคายางสังเคราะห์คู่แข่งสำคัญของยางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้นตลาดก็จะหันมาใช้ยางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำขาดแรงงานกรีดยาง เพราะในปัจจุนไทยใช้แรงงานจากประเทศพม่าในการกรีดยางเป็นหลัก
ปัจจัยเหล่านี้มีสำคัญที่จะช่วยพยุงราคายางให้อยู่ในระดับสูงกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม ล่าสุดเมื่อต้นสัปดาห์ราคาประมูลเฉลี่ย ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 61.01 บาท/กก. ราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 62.79 บาท/กก.
เมื่อเกิดสภาวะวิกฤติ ย่อมมีโอกาสเช่นเดียวกัน
การระบาดของโควิด-19 ทำเกิดกระแส New Normal คนหันมาตระหนักและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยมากขึ้นทำให้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่แปรรูปมาจากยางธรรมชาติมีความต้องการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นถุงมือยาง หรือหน้ากากอนามัยที่มีส่วนผสมของยาง โดยเฉพาะถุงมือยางธรรมชาติที่มีอัตราความต้องการใช้สูงขึ้นเป็นทวีคูณ
ช่วงก่อนมีการระบาด มูลค่าการส่งออกถุงมือยางประมาณ 37,000 ล้านบาท ต่อปี เมื่อมีการระบาดระลอกแรก ได้คาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกจะเพิ่มถึง 50,000 ล้านบาท ต่อปี แต่เมื่อมีการระบาดระลอกที่ 2 การส่งออกถุงมือยางอาจจะเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ก็เป็นไปได้
ดังนั้นการระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ปัจจัยลบสำหรับยางพาราเสียเลยทีเดียว แต่เป็นปัจจัยบวกที่จะหนุนราคายางให้มีเสถียรภาพด้วย เพราะทั่วโลกยังมีความต้องการใช้ถุงมือยางและหน้ากากอนามัยซึ่งใช้ยางเป็นวัตถุดิบ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
รัฐบาลควรจะเร่งสนับสนุนอุตสาหกรรมยางทั้งระบบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยางและหน้ากากอนามัย เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ ซึ่งนอกจากจะมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ราคายางมีเสถียรภาพแล้ว ยังจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศศูนย์กลางการพัฒนาอุตสาหกรรมยางธรรมชาติอีกด้วย
นิคมอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจรจะต้องเกิดขึ้น!!
โดยจะต้องพัฒนาครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ คือการปลูกยางพาราที่ได้มาตรฐาน จนถึงกลางน้ำคือ การแปรรูปขั้นต้น และปลายน้ำคือ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะถุงมือยางที่มีแนวโน้มความต้องการสูงมาก รวมทั้งระบบขนส่งและกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาด
อยู่ที่รัฐบาลว่า จะพลิกวิกฤติการระบาดของโควิด-19 ให้เป็นโอกาส เพื่อผลักดันประเทศไทยก้าวสู่ศูนย์กลางการพัฒนาอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของโลกหรือไม่?
รัฐศักดิ์ พลสิงห์