#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2731087

7 ต.ค. 2566 09:53 น.
- ข่าว
- ต่างประเทศ
- ไทยรัฐออนไลน์
ยูนิเซฟเผย ภัยธรรมชาติทำให้เด็กๆ ทั่วโลกต้องพลัดถิ่นฐานมากกว่า 20,000 คน
องค์การยูนิเซฟเผยรายงานล่าสุดที่ระบุว่า ภัยธรรมชาติ พายุ น้ำท่วม ไฟป่า และสภาพอากาศสุดขั้วในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้เด็กราว 43 ล้านคน ต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่นในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 องค์การยูนิเซฟ เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดที่ระบุว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพายุ น้ำท่วม ไฟป่า และสภาพอากาศสุดขั้วต่างๆ ได้ทำให้ในแต่ละวันมีเด็กกว่า 20,000 คนต้องพลัดถิ่นที่อยู่อาศัย หรือคิดเป็นเด็กทั่วโลกราว 43 ล้านคนที่กลายเป็นคนพลัดถิ่นระหว่างปี 2559-2564
โดยยกตัวอย่างภาวะน้ำท่วมในอินเดียและจีน ที่เป็นสาเหตุให้เด็กต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นกว่า 19 ล้านคน ขณะที่ไฟป่าคือสาเหตุที่ทำให้เด็กในสหรัฐฯ และแคนาดา เป็นคนพลัดถิ่นถึง 810,000 คน ขณะที่โดยรวมแล้ว ฟิลิปปินส์ อินเดีย และจีน เป็นประเทศที่มีเด็กพลัดถิ่นเพราะภัยพิบัติทางสภาพอากาศมากที่สุด และคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของเด็กพลัดถิ่นทั่วโลก
ข้อมูลที่ระบุไว้ในรายงานที่เผยแพร่ออกมายังประเมินด้วยว่า ตัวเลขของเด็กพลัดถิ่นในช่วง 3 ทศวรรษจากนี้จะพุ่งเป็นกว่า 113 ล้านคน เมื่อพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงจากภาวะแม่น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ลมพายุไซโคลน และน้ำท่วมที่เกิดขึ้นหลังพายุกระหน่ำ
ยูนิเซฟระบุว่า ที่ผ่านมาเวลาสื่อนำเสนอรายงานข่าว มักจะไม่ได้ลงรายละเอียดถึงความทุกข์ หรือผลกระทบของผู้ประสบภัยพิบัติรุนแรง โดยเฉพาะภัยแล้งซึ่งโดยปกติประเทศต่างๆ จะไม่มีการวางแผนอพยพหนีภัยเพราะภาวะแล้ง เหมือนกรณีของภาวะน้ำท่วม หรือพายุโหมกระหน่ำ ซึ่งหมายความว่า ไม่สามารถจัดเก็บตัวเลขอย่างเป็นระบบได้ ทำให้ตัวเลขข้างต้นอาจยังต่ำกว่าความเป็นจริง
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญในประเด็นการอพยพถิ่นฐานของยูนิเซฟ หนึ่งในทีมงานจัดเตรียมรายงานล่าสุดนี้ ระบุว่า มีเด็กจำนวนสูงกว่านี้มากที่จะได้รับผลกระทบในอนาคต เพราะผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ยังมีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง.