สมาคมจัดการธุรกิจ ร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว Thailand Competitiveness : What’ s Next

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/811841

สมาคมจัดการธุรกิจ ร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว Thailand Competitiveness : What’ s Next

สมาคมจัดการธุรกิจ ร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว Thailand Competitiveness : What’ s Next

วันศุกร์ ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 14.01 น.

สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าว Thailand Competitiveness : What’ s Next

สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) นำโดย นิธิ ภัทรโชค ประธาน สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) และที่ปรึกษา กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี พร้อมด้วย วรรณวีรา รัชฎาวงศ์ กรรมการบริหารสมาคมฯ ร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วิโรจน์ นรารักษ์ รองเลขาธิการสภา พร้อมด้วยจัดงานแถลงข่าวเพื่อเผยแพร่ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดย  World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development หรือ IMD สวิตเซอร์แลนด์ (IMD – WCC) ประจำปี 2567 โดยในปีนี้ ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้นถึง 5 อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 67 เขตเศรษฐกิจที่มีการจัดอันดับ โดยในปีนี้ IMD – WCC ได้มีการเพิ่มเขตเศรษฐกิจที่จัดอันดับอีก 3 เขตเศรษฐกิจ คือ กาน่า ไนจีเรีย และเปอร์โตริโก้ รวมเป็น 67 เขตเศรษฐกิจ ณ โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ

จากปัจจัยหลักที่ IMD ใช้ในการจัดอันดับรวม 4 ด้าน มี 2 ปัจจัยที่ไทยมีอันดับดีขึ้นในปีนี้คือ สมรรถนะทางเศรษฐกิจ (Economic Performance) ที่ดีขึ้นถึง 11 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 5 และประสิทธิภาพของภาคธุรกิจที่ดีขึ้น 3 อันดับ จากอันดับที่ 23 เป็นอันดับที่ 20 ในปีนี้ ในขณะที่ ด้านประสิทธิภาพของภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐาน มีอันดับคงเดิมในอันดับที่ 24 และ 43 ตามลำดับ ทั้งนี้ อันดับที่ดีขึ้นในด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจมาจากประเด็นด้านการค้าระหว่างประเทศ (International Trade) ที่ดีขึ้นถึง 23 อันดับมาอยู่อันดับที่ 6 ในปีนี้ อันเนื่องมาจากประเด็นด้านการท่องเที่ยวที่สัดส่วนของรายได้จากการท่องเที่ยวต่อ GDP (Tourism receipts) และการส่งออกด้านบริการ (Export of commercial services) รวมถึงดุลบัญชีเดินสะพัดมีอันดับที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ในขณะที่ด้านระดับราคาและค่าครองชีพ (Prices)  ดีขึ้น 10 อันดับจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ ปัจจัยด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ (Business Efficiency) มีอันดับดีขึ้นเล็กน้อย จากอันดับที่ 23 ในปี 2566 เป็นอันดับที่ 20 ในปี 2567 จากตัวชี้วัดด้านการบริหารจัดการ (Management Practices) ที่ตัวชี้วัดเกี่ยวกับความกลัวความล้มเหลวของผู้ประกอบการ (Entrepreneurial fear of failure) และกิจกรรมของผู้ประกอบการขั้นต้น (Total early-stage Entrepreneurial Activity) มีค่าและอันดับที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีถึงผลของความพยายามของทุกภาคส่วนในการผลักดันเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงในด้านผลิตภาพในภาพรวมที่มีอันดับลดลงจากอันดับที่ 38 เป็น 42 โดยเป็นผลจากอันดับที่ลดลงของผลิตภาพในเกือบทุกภาคอุตสาหกรรม เมื่อมองภาพรวมในระดับโลก เขตเศรษฐกิจที่มีอันดับความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุด 5 อันดับแรกในปี 2567  ได้แก่ สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ และฮ่องกง โดยเขตเศรษฐกิจที่ได้รับการจัดอยู่ในกลุ่มที่มีอันดับสูงสุดของปี 2567 ส่วนใหญ่ยังคงเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดเล็กเช่นเดียวกับปีก่อนหน้า ซึ่ง IMD-WCC แสดงความคิดเห็นว่าผลดังกล่าวสะท้อนว่า ความสามารถในการแข่งขันไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของเขตเศรษฐกิจ และยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) มีการพัฒนาศักยภาพด้านการนวัตกรรม ดิจิทัล และความหลากหลายเศรษฐกิจได้เท่าทันกับเขตเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ดังตัวอย่างของ จีน อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย และตุรกี ที่กลายเป็น  ผู้เล่นที่สำคัญในด้านการลงทุน นวัตกรรม และภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน และสร้างโอกาสใหม่ๆ (New opportunities) และตลาด สำหรับธุรกิจและผู้บริโภค รวมถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนใหม่ ๆ ที่ทำให้ทั้งรัฐบาลและธุรกิจที่สนใจตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้มากขึ้น

สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้เล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพขององค์กรและบุคลากรในด้านการบริหารจัดการโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การสร้างความสามารถในการติดตามและคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและตั้งเป้าหมายเชิงรุกผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของ TMA โดยในวันที่ 16-19 กันยายน 2567 นี้ จะมีการจัดงานเพื่อเฉลิมฉลอง TMA ในวาระครบรอบ 60 ปีที่ได้ดำเนินการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน 60 YEARS OF EXCELLENCE “Creating Great Leaders, Designing the Futures” ขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ โดยจะมีวิทยากรผู้บริหารชั้นนำจากภาครัฐและเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ ให้เกียรติมาร่วมให้ความรู้ แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ Building a Competitive Region, Way forward to Sustainability และ Technology as an Imperative

TMA เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการสร้างเสริมความเป็นเลิศด้านการบริหาร เพื่อมุ่งสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย TMA ร่วมมือเป็น Partner Institute กับ World Competitiveness Center แห่งสถาบัน IMD (International Institute for Management Development-Switzerland) ในการทำการสำรวจขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยมากว่า 20 ปี และยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในสหรัฐอเมริกาและยุโรปรวมถึงประเทศไทยในการฝึกอบรมและจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้บริหาร และยังมีบริการที่ปรึกษา งานวิจัย การจัดประชุมระดับนานาชาติ และกิจกรรมสร้างเครือข่ายสำหรับทั้งภาครัฐและเอกชน โดยนับตั้งแต่องค์กรก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2507 มีผู้ใช้บริการกับ TMA มาแล้วมากกว่า 350,000 คน
 

Leave a comment