
จับตา 13 มิ.ย.ถ้า‘ทักษิณ’จบเห่ การเมืองร้อนแรงถึงขั้น‘ยุบสภา’
วันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 09.25 น.
จับตา 13 มิ.ย.ถ้า‘ทักษิณ’จบเห่ การเมืองร้อนแรงถึงขั้น‘ยุบสภา’
27 พฤษภาคม 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์เมื่อคืนวันที่ 26 พ.ค.68 โดยมั่นใจว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข จะวีโต้มติแพทยสภา เพราะต้องทำเพื่อความสบายใจและปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยทางการเมือง แล้วปล่อยให้แพทยสภามีมติยืนยันใหม่วันที่ 12 มิ.ย. นี้ หากนายสมศักดิ์ ยังมีสติอยู่ต้องไม่วีโต้ แต่วิถีทางการเมืองย่อมแตกต่างจากโลกความจริง เพราะทางการเมืองในระยะแรกต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ส่วนระยะสุดท้ายปล่อยให้ตัวใครตัวมัน ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยทุกฝ่าย รมว.สาธารณสุข จะวีโต้มติแพทยสภาไปก่อน
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนนายทักษิณ ชินวัตร มีกำหนดการไปปรากฏตัวพูดถึงการปราบปรามยาเสพติดอาชญากรข้ามชาติ ซึ่ง ป.ป.ส.จัดขึ้นในวันที่ 27 พ.ค.นี้ จึงเป็นการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ซึ่งทางการเมืองมองว่ายังมีเวลาแสดงถึงจิตใจเข็มแข็งในช่วง 16 วันก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกาฯ นัดพร้อมหรือไต่สวนการบังคับโทษตามหมายจำคุกแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ตนอยากให้นายทักษิณ ไปศาล แต่ยังเชื่อว่า นายทักษิณจะไม่ไปศาล
“ช่วงเวลาที่เหลือ 2 สัปดาห์เศษนั้น สิ่งหนึ่งในทางการเมืองแล้ว ทักษิณต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในเผ่าทั้งหลายเห็นแสนยานุภาพ ทั้งที่ข้อเท็จจริงทางการเมืองแล้ว ย่อมคาดคะเนปลายทางที่เปราะบางกันได้”
นายจตุพร กล่าวว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ยืนยันว่า นายทักษิณไปศาลฎีกาฯ แม้การสัมภาษณ์ช่วงหลังๆ นายกฯ ออกอาการยืนยันเบาบางลง ซึ่งแสดงถึงความไม่มั่นใจถดถอยลง แต่มีภาษากายผิดธรรมชาติออกมาในช่วงนายกฯ ไปอังกฤษไม่เป็นทางการจึงสะท้อนถึงความผิดปกติทางการเมือง ตนคาดสถานการณ์การเมืองว่าถ้านายทักษิณหนีอีกครั้ง นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ก็อยู่ไม่ได้ และสิ่งสำคัญจะกล้าหักกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ โดยมีข่าวปล่อยระบุว่า ก่อน 13 มิ.ย. จะถอดภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล แล้วตั้งรัฐบาลใหม่ไม่คำนึ่งถึงอนาคตและเสถียรภาพบริหารประเทศ
“ข่าวปล่อยระบุถึงขั้นว่า ถ้า 13 มิ.ย. ทักษิณมีอันเป็นไป โดยหนีหรือติดคุก ย่อมทำให้การเมืองหลัง 13 มิ.ย.ร้อนแรงถึงขั้นยุบสภา แต่ปัญหาใหญ่มีว่า ถ้าถอดภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลแล้ว ผลกระทบจะลามมาเป็นปัญหาหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า จะตั้งรัฐบาลกันอย่างไร”
นายจตุพร ประเมินว่า หลัง 13 มิ.ย.ความไม่แน่นอนทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาลและนายกฯ จะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญการยื่น ป.ป.ช. กรณีฝ่าฝืน รธน. มาตรา 144 ปมโยกงบประมาณจ่ายหนี้มาแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทจะกวาดล้างรัฐบาลแบบถอนรากถอนโคนกันเลย เพราะมีข้อเท็จจริงสามารถเอาผิด ครม.และพรรคการเมืองได้ชัดเจน
“กรณีปัญหา ม.144 ของ รธน. 2560 นั้น ป.ป.ช.และธนาคารแห่งประเทศไทยเคยเตือนมาแล้ว เมื่อ ป.ป.ช.ยื่นเรื่องไปศาล รธน. ซึ่งมีเวลาพิจารณา 15 วัน ถ้าคำวินิจฉัยออกมาจะกวาดเรียบทั้งกระดาน”
นายจตุพร กล่าวว่า ดังนั้นตนและนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่จำเป็นต้องจับมือโค่นล้มรัฐบาลเลย เพราะยังไม่ทันจับมือพวกนี้ก็ล้มอยู่ดี และไม่จำเป็นต้องลงถนน รัฐบาลและทักษิณก็ไปอยู่แล้ว สิ่งที่น่าห่วงคือ ประชาชนจะอยู่กันอย่างไรในภาวะเศรษฐกิจปากท้องแย่ๆ ในปัจจุบัน จนจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว แต่ประชาชนต้องไม่ล้มเหลวเพื่อเป็นทางออกให้อนาคตของบ้านเมือง
ส่วนเสียงโจมตีว่า ต้องการเรียกรัฐประหารออกมาจัดการรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ช่วง 20 ปีผ่านมา นักการเมืองฉ้อฉลและหลอกลวงประชาชนเป็นพวกเรียกรัฐประหารออกมายึดอำนาจกันเอง สิ่งสำคัญ ในช่วงหาเสียง เพื่อไทยโจมตีการยึดอำนาจอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง แต่หลังเลือกตั้งต้องจับมือข้ามขั้วมาตั้งรัฐบาลกับพรรคพวกยึดอำนาจ เหมือนทหารยึดอำนาจคืนอำนาจกลับให้ผู้ถูกยึดอำนาจ
นายจตุพร กล่าวว่า ไม่เพียงเท่านั้น พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้ก็เพราะมีเสียง สว. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่งตั้งจำนวน 152 เสียงมาลงมติเลือกนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ถัดจากนั้นก็นำพรรคการเมืองรัฐประหารมาตั้งรัฐบาล พฤติกรรมการเมืองเช่นนี้เป็นการตระบัดสัตย์ต่อประชาชน แล้วยังหลอกเสื้อแดงจะเสนอกฎหมายคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง แต่จนถึงบัดนี้ไม่มีกฎหมายนี้เข้าสภาเลย
“เมื่อนักการเมือง พรรคการเมืองตระบัดสัตย์ไปคืนดีกับฝ่ายยึดอำนาจแล้ว ยังจะให้ประชาชนทะเลาะกันต่อไปอีกเหรอ ยังจะให้ประชาชนแต่ละสีเสื้อทะเลาะกันด้วยเหรอ นอกจากนี้ทักษิณ ได้สารภาพผิด ยอมรับทุจริตจริง แล้วยังจะให้ประชาชนมาเรียกร้องหาความยุติธรรมให้อีกเหรอ”
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนพวกเห็นภาพนายจตุพรกอดกับนายสนธิ แล้วทนไม่ได้ แต่กลับทนกันได้กับการตั้งรัฐบาลตระบัดสัตย์ข้ามขั้วไปจับมือกับพวกยึดอำนาจ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2549 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจนายทักษิณ แล้วต่อมานายทักษิณ ไปจับมือกับพล.อ.สนธิ ให้ช่วยทำเรื่องปรองดอง จากนั้นยังจับมือกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดอำนาจปี 2557 และตั้งรัฐบาลข้ามขั้วอีก ดังนั้นพฤติกรรมทางการเมืองแบบนี้พวกเสื้อแดงในพรรคเพื่อไทยยังทนกันได้
“เมื่อผมกอดกับนายสนธิ พวกเสื้อแดงพรรคเพื่อไทยบอกรับไม่ได้ แต่การตระบัดสัตย์ข้ามขั้วไปจับมือกับคณะยึดอำนาจกลับทนกันได้ แบบนี้ไม่ทุเรศกันเหรอ ไม่เอาเปรียบกันหน่อยเหรอเมื่อคุณตระบัดสัตย์คืนดีกันแล้ว แต่ยังจะให้ประชาชนทะเลาะขัดแย้งกันอีก” นายจตุพร กล่าว