‘เพื่อไทย’ลุยปรับคณะรัฐมนตรี ‘อิ๊งค์’ขอคุยเดี่ยว’อนุทิน’ ลิ่วล้อตามแซะพรรคร่วมรบ.

'เพื่อไทย'ลุยปรับคณะรัฐมนตรี 'อิ๊งค์'ขอคุยเดี่ยว'อนุทิน' ลิ่วล้อตามแซะพรรคร่วมรบ.

‘เพื่อไทย’ลุยปรับคณะรัฐมนตรี ‘อิ๊งค์’ขอคุยเดี่ยว’อนุทิน’ ลิ่วล้อตามแซะพรรคร่วมรบ.

วันอาทิตย์ ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘เพื่อไทย’ลุยปรับคณะรัฐมนตรี ‘อิ๊งค์’ขอคุยเดี่ยว’อนุทิน’ ลิ่วล้อตามแซะพรรคร่วมรบ. ถ้าไม่พอใจก็ไปเป็นฝ่ายค้าน เปิดโพลรมว.กห.อาการหนัก ปชช.อยากให้ปรับเป็นคนแรก

นายกฯ‘อิ๊งค์’จ่อเรียก‘อนุทิน’หน.ภูมิใจไทย คุยพรรคเดียว ปมปรับ ครม. ปล่อยลิ่วล้อตามแซะพรรคร่วมรัฐบาลหากไม่พอใจอยู่แล้วไร้ความสุขก็ไปเป็นฝ่ายค้าน ด้านลูกน้องเสี่ยหนูฉะกลับพววแมลงหวี่  ‘มหิดลโพล’เผยปชช.อยากให้ปรับครม.มากที่สุด คือเก้าอี้   รมว.กลาโหม ตามด้วย  

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และแกนนำพรรคภูมิใจไทย หารือเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ เพียงพรรคเดียว หลังมีการเลื่อนการประชุม ครม.สัญจรออกไป จนถูกจับจ้องว่า เป็นการเลื่อนเพื่อรอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่สอดคล้องกับที่นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า หากไม่ได้อยู่กระทรวงมหาดไทยต่อ พรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน

ขณะที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ยังไม่มีแนวคิดจะปรับอะไร เว้นแต่พรรคนั้นๆจะเสนอปรับในส่วนของพรรคตัวเองเข้ามา โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของพรรคกล้าธรรม เตรียมเสนอปรับรัฐมนตรีของพรรคหนึ่งตำแหน่ง โดยจะเสนอให้ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา กลับมาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ อีกครั้ง แทนนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ผู้เป็นพ่อ ส่วนพรรคร่วมอื่นๆ ยังคงยืนยันโควตาเดิม

‘อนุสรณ์’เชื่อรบ.ยังทำงานได้

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เลื่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ ออกไปก่อน เนื่องจากติดภารกิจไปต่างประเทศ และอาจรอให้ การปรับครม.แล้วเสร็จก่อนว่า การปรับ ครม.จะปรับเมื่อไหร่ ไม่มีผู้ใดทราบ เพราะอำนาจการปรับครม.อยู่ที่ท่านนายกฯแต่เพียงผู้เดียว ฉะนั้น จึงขอให้เชื่อมั่นน.ส.แพทองธารว่าหากปรับครม.การทำงานของรัฐบาล ก็จะดีขึ้นด้วยรัฐมนตรีใหม่ วิธีคิด วิธีนำการทำงานแบบใหม่ หากยังไม่ปรับ รัฐมนตรีชุดปัจจุบันก็ยังสามารถทำงานได้

“ทั้งนี้ หากสังเกตจะพบว่านายกฯไม่ติดยึดเรื่องปรับ หรือไม่ปรับครม.แต่สถานการณ์โลก สถานการณ์ประเทศ ณ เวลานี้ การแข่งขันสูง ทุกคนจึงต้องตั้งตนบนความพร้อมสูงสุดใช้เวลาในการเป็นรัฐมนตรีให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน ส่วนรัฐมนตรีที่จะปรับเข้ามาใหม่ก็ขอให้ตั้งตนบนความพร้อม เพราะงานของรัฐบาลรอไม่ได้ ไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูนพีเรียด เพราะความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้”นายอนุสรณ์ ย้ำ

แซะถ้าไม่พอใจก็ไปเป็นฝ่ายค้าน

นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคจะมีปัญหาภายในก่อนการปรับครม.หรือไม่นั้น ถือเป็นวิถีของแต่ละพรรคที่จะต้องบริหารจัดการแก้ไขปัญหาภายในพรรคของตัวเองให้ดี อย่าให้ปัญหาภายในของพรรคของตัวเองส่งผลกระทบ
ต่อรัฐบาล

“สำหรับกรณีที่บางพรรคแสดงอาการไม่พอใจ หากถูกปรับเปลี่ยนกระทรวงนั้น ก็ขอให้เชื่อมั่นนายกฯแต่หากพรรคร่วมรัฐบาลพรรคนั้น อยู่เป็นรัฐบาลร่วมกันแล้ว ไม่มีความสุข ไม่สามารถพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับให้งานของรัฐบาลขับเคลื่อนได้ดีขึ้น ก็สามารถตัดสินใจออกไปเป็นฝ่ายค้านได้ ถือเป็นวิถีของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย อยู่ตรงไหนก็สามารถทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนได้”นายอนุสรณ์ กล่าว และว่าหลายปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศ เชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และคณะรัฐมนตรี สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะครม.เดิมหรือ ครม.ใหม่ เชื่อว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ได้อย่างดี

‘วิสุทธิ์’ชี้‘ภท.’ขู่ เรื่องธรรมดา

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานสส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยระบุว่าหากไม่ได้กระทรวงมหาดไทยพร้อมถอนตัวและเป็นฝ่ายค้าน ว่า เป็นธรรมดาในขณะนี้ที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติ ซึ่งทุกคนต้องพูดเช่นนั้นเช่นนี้ แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็ต้องมีการตกลงกันได้ ไม่มีใครอยากกลับไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งการที่เขาจะพูดก็เป็นสิทธิ์ เขาอยากทำอะไรก็เป็นเรื่องต่อรองปกติ

เมื่อถามว่า มองว่าจะถึงขั้นที่พรรคภูมิใจไทยจะออกไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี สุดท้ายก็ต้องมีการเจรจากันอยู่แล้ว การเมืองคือต้องยอมรับข้อเท็จจริง โดยเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคที่ต้องเจรจากัน เราเข้าใจและไม่มีอะไรเป็นข้อกังวลในเรื่องนี้

โยนอำนาจ‘นายกฯ’ตัดสินใจ

เมื่อถามว่า สส.พรรคเพื่อไทยได้คุยในเรื่องนี้หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สส.ของพรรคเพื่อไทย ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเต็มที่ในการตัดสินใจ เพราะท่านเป็นคนที่ดูแลการบริหาร และทราบดีที่สุดว่าควรจะบริหารหรือกำกับอย่างไร ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่าหากไม่มีพรรคภูมิใจไทย เสียงรัฐบาลจะน้อยลงเพราะพรรคภูมิใจไทย ก็ถือเป็นพรรคที่มีจำนวนสส.มาก เป็นอันดับที่ 2 ของฝั่งรัฐบาล นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนก็มีตัวเลขในมือที่ต้องเจรจาอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่พูดอย่างนั้นอย่างนี้ก็อาจจะเป็นเทคนิคการเจรจาทางการเมือง เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรตื่นเต้นหรือน่ากังวล และไม่มีอะไรร้ายแรง หรือแตกหักกัน

‘สุทิน’ชี้‘หนู’แค่อยากรักษาสถานะ

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศ พร้อมเป็นฝ่ายค้านหากโดนยึดเก้าอี้มท.1 ว่า มองว่าเป็นเรื่องของความพยายามที่อยากจะรักษาสถานะของตัวเอง ไม่เพียงแค่นายอนุทินเท่านั้น แต่รวมถึงทุกคน ทุกพรรคที่คาดว่าจะถูกปรับออกซึ่งก็แสดงออกได้ หลายวิธีการทั้งการต่อรอง ขู่ หรือ ขอความเห็นใจ ซึ่งตนเชื่อว่าสังคมพอจะมองออกว่าบุคคลใดใช้วิธีการอย่างไร ทั้งนี้ หากเป็นประเทศที่ไม่คุ้นชินกับการมีรัฐบาลผสมก็เป็นเรื่องที่น่าห่วง แต่ไทยเราเป็นประเทศที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องของรัฐบาลผสม แม้ว่าจะรู้สึกน้อยใจ งอน หรือมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่เราก็จะมีวิธีการที่จะหาจุดลงตัวได้เสมอ

หนุน‘อิ๊งค์’ถึงเวลาปรับ ครม.

“ส่วนตัวผมมองว่าถึงเวลาปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้หลายนโยบายเดินหน้าเป็นรูปธรรม นำไปสู่การผลักดันผลงานต่างๆ เพื่อประชาชนการปรับ ครม.ถือเป็นเรื่องปกติแต่ในบริบททางการเมืองรวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หากไม่เอื้ออำนวยให้มีการปรับ ก็เป็นเรื่องน่าห่วง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯที่จะชั่งน้ำหนัก รวมถึงต้องดูภูมิต้านทานของรัฐบาลด้วย หากเรามีภูมิต้านทานที่แข็งแรงก็ปรับได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเรามีภูมิต้านทานที่ยังเปราะบาง ก็ยังไม่เหมาะ แต่ผมเชื่อว่าท่านนายกฯจะวิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจเรื่องปรับครม.ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพราะท่านเองก็มีคณะทำงาน มีทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ผ่านเรื่องนี้มาเยอะ”นายสุทิน กล่าว

‘วรชัย’โดดยุส่ง‘อนุทิน’จะไปก็ไป

ด้าน นายวรชัย เหมะ อดีตสส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมเป็นฝ่ายค้าน มองอย่างไรว่า สิ่งที่ประชาชนเห็นอยู่วันนี้เขาเห็นว่ารัฐบาลทำงานกันคนละทิศละทาง ความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย มีให้เห็นหลายครั้งในการพิจารณากฎหมายต่างๆรวมถึงการทำงานของแต่ละกระทรวงก็ไม่สอดประสานกัน ถ้ายังเป็นอยู่อย่างนี้ประเทศชาติและประชาชน
เสียประโยชน์ เมื่ออยู่กันไม่ได้ก็ควรต่างคนต่างเดินไม่ควรทำงานด้วยกันต่อเพราะเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย มีแต่จะลุกลามขยายตัวขึ้นทุกวันไม่มีท่าทีจะกลับมาดีเหมือนเดิม ทำให้เห็นว่าประเทศไทยไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย

ซัดอยู่ก็อึดอัด อยู่ก็ขัดกันทุกวัน

นายวรชัย กล่าวว่า เมื่อนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ขู่ว่าพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ตนว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด เพราะนายอนุทินก็อยู่ในภาวะที่อยู่อย่างอึดอัด ทำงานด้วยกันไม่ได้ควรจะแยกกันเดินต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ประชาชนในบทบาทที่เลือก ไม่ว่าเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านก็ทำงานให้ประชาชนได้ ในอนาคตหากพรรคภูมิใจไทย สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนจนชนะเลือกตั้งได้วันนั้น นายอนุทินก็สามารถเป็นนายกฯทำงานให้ประชาชนได้จึงควรถือโอกาสนี้จังหวะนี้ที่สถานการณ์สุกงอมในการปรับคณะรัฐมนตรีแยกทางในจังหวะที่ประชาชนก็ไม่ได้ต่อว่าทำให้นายอนุทินจะไม่เสียหายทางการเมือง

เด็กภท.สวนแมลงหวี่น่ารำคาญ

ขณะที่ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย แสดงความคิดเห็นกรณี นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาไล่พรรคร่วมที่ไม่สบายใจให้ถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านว่า “สส.ท่านนี้มีอำนาจอะไรมาพูด? เพราะอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี อยู่ที่นายกรัฐมนตรี พรรคร่วมฯ ก็รอฟัง นายกฯ เท่านั้น เสียงแมลงหวี่แมลงวันแบบนี้ แค่ทำให้รำคาญหู”

นายพลพีร์กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็น สส.เขต ลงพื้นที่ตลอดเวลา ยืนยันว่าประชาชนไม่ได้อยากเห็นการปรับ ครม. แต่กลับกังวลเรื่องปากท้องและการทำมาหากิน ชาวบ้านอยากเห็นการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนั่นต่างหากคือสิ่งที่นักการเมืองควรเร่งดูแลแก้ไข นอกจากนี้ เรายังมีปัญหาชายแดนที่กำลังลุกลาม บานปลาย และสุ่มเสี่ยงถึงขั้นเสียดินแดน แบบนี้มันใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องการเมืองหรือไม่?

จี้จัดความสำคัญ/เลิกส่งเสียงไร้สาระ

“ขณะนี้ราคามันสำปะหลังตกต่ำ ชาวสวนขาดทุนกันทั่วประเทศขณะที่สินค้าทุกอย่างก็แพงขึ้น แต่รายได้ของประชาชนกลับลดลง เรื่องปรับ ครม. จึงไม่ควรหมกมุ่นเกินไปเพราะยิ่งวุ่นวาย ภาพลักษณ์ของประเทศก็ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ แล้วแบบนี้ใครจะกล้ามาลงทุน เราควรจัดลำดับความสำคัญของปัญหา แล้วเร่งแก้ไขให้ตรงจุด ตอนนี้มีทั้งปัญหาปากท้อง ปัญหาชายแดน ต้องจัดการให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องปรับ ครม. ซึ่งเป็นเรื่องการเมือง ก็ขอให้เพลาๆ ลงบ้าง ส่วนพวกแมลงหวี่ แมลงวันก็ช่วยเลิกส่งเสียงกันสักทีจะได้มีข่าวที่เชื่อถือได้จริงๆ ไม่ใช่มีแต่เสียงหึ่งๆ ไร้สาระ” นายพลพีร์ กล่าว

เปิดผลสำรวจ‘มหิดลโพล’

วันเดียวกัน รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผย ผลสำรวจประเด็น “คนไทย ต้องการปรับ ครม.หรือไม่” ของคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเป็นการสำรวจทัศนคติและความคิดเห็นด้านสถานการณ์การศึกษาและปัญหาที่เป็นกระแสสังคม ในพื้นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ คณะผู้วิจัยประยุกต์ใช้การวิจัยเชิงสำรวจด้วยการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (face to face) และการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (phone survey) โดยใช้แบบสัมภาษณ์ผ่านช่องทางออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 11,802 ตัวอย่าง ในช่วงระหว่างวันที่ 5-11 มิถุนายน 2568 ผลการศึกษาสรุปสาระสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นในประเด็น ท่านต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 87.6 ระบุว่า ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.)

กระทุ้งแก้ปัญหาศก.ปากท้อง

สาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนต้องการให้มีการปรับ ครม. สะท้อนถึงความไม่พอใจในประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง การขาดภาวะผู้นำ และความชัดเจนในการบริหาร การไม่ทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ รวมถึงปัญหาด้านการทุจริต ความไม่โปร่งใส และการ
ไม่ตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและคุณภาพชีวิต รวมถึงปัญหาเฉพาะพื้นที่ อย่างปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นต้น

ห่วงปรับเพิ่มขัดแย้ง-เกมการเมือง

ขณะที่ความคิดเห็นประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจ หรือร้อยละ 12.4 ระบุว่า ไม่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเหตุผลที่ยังไม่ต้องการให้มีการปรับ ครม. ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้ถึงประสิทธิภาพและความตั้งใจในการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ความเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ การเห็นว่ารัฐบาลเข้าใจประชาชน รวมถึงความต้องการให้เกิดความเสถียรภาพและการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาประเทศดำเนินต่อไปได้ และมีความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีใหม่ อาจนำมาซึ่งปัญหาด้านประสบการณ์ ความขัดแย้ง หรือการเล่นเกมการเมือง แทนที่จะเป็นการสร้างประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

อยากให้ปรับรมต.กลาโหม-คลัง

เมื่อสอบถามถึงกระทรวงที่ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีมากที่สุด 5 อันดับ พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด หรือร้อยละ 46.75 ต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงกลาโหมมากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาอันดับ 2 คือ กระทรวงการคลัง ร้อยละ 41.86 อันดับ 3 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร้อยละ 38.26 อันดับ 4 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 28.93 อันดับ 5 มีสัดส่วนใกล้เคียงกันคือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร้อยละ 27.89 และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 27.88 ตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สําหรับ กระทรวงมหาดไทย ที่นายทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยออกมาระบุว่า พรรคภูมิใจไทยต้องคืนให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะไม่ตอบสนองนโยบายนั้น ผลสำรวจพบว่าอยู่ในอันดับที่ 12 ของกระทรวงที่อยากให้มีการปรับ ร้อยละ 18.03

Leave a comment