‘ภท.’สู้ไม่ถอย ย้ำเพิกถอน‘เขากระโดง’ ต้องเจอกันที่ศาลเท่านั้น

‘ภท.’สู้ไม่ถอย ย้ำเพิกถอน‘เขากระโดง’ ต้องเจอกันที่ศาลเท่านั้น

‘ภท.’สู้ไม่ถอย ย้ำเพิกถอน‘เขากระโดง’ ต้องเจอกันที่ศาลเท่านั้น

วันอาทิตย์ ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘ภท.’สู้ไม่ถอย ย้ำเพิกถอน‘เขากระโดง’ ต้องเจอกันที่ศาลเท่านั้น


รับงานใครมา! “ศุภชัย” ตอก “อดีตอธิบดีกรมที่ดิน” ปมที่ดินเขากระโดง ชี้หลักฐาน ย้อนแย้งกับคำพูดปัจจุบัน ปี’55 เห็นชอบตั้งคณะกรรมการตาม ม.61 มีความเห็นไม่เพิกถอน แต่ปี’68 กลับบอกเพิกถอนได้ทันที “ทนายคดีเขากระโดง” กาง 5 ข้อ ซัด “ภูมิธรรม” ฟังข้อมูลด้านเดียวจาก “ใบสั่ง” จี้เปิดใจฟังข้อเท็จจริง-หลักฐานประวัติศาสตร์รอบด้าน ย้ำการพิสูจน์ที่ดินต้องทำที่ศาล

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย(ภท.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่นายบุญเชิด คิดเห็น อดีตอธิบดีกรมที่ดินออกมากล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61ว่าที่นายบุญเชิดได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า กรณีที่ดินเขากระโดง ไม่ต้องดำเนินการตามมาตรา 61แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน สามารถใช้อำนาจเพิกถอนเอกสารสิทธิได้ทันที วันเดียวก็จบซึ่งความคิดเห็นของอดีตอธิบดีคนนี้ถูกนำไปเผยแพร่อย่างมากมาย

‘ศุภชัย’ตอก‘อดีตอธิบดีกรมที่ดิน’

นายศุภชัยกล่าวอีกว่าแต่เอกสารที่นำมาแสดงให้ปรากฏนี้ เป็นหลักฐานอีกด้านหนึ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับความเห็นของอดีตอธิบดีกรมที่ดิน เพราะในกรณีเขากระโดงเดียวกันนี้ ขณะที่นายบุญเชิด คิดเห็น ตอนดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินในปี พ.ศ.2555 ได้เห็นชอบกับการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61และเห็นชอบว่าไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน และเห็นชอบด้วยว่าการรถไฟฯต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลเป็นรายๆไป หากเห็นว่ามีผู้มีเอกสารสิทธิทับซ้อนที่ดินการรถไฟฯซึ่งความเห็นชอบของอธิบดีกรมที่ดินในวันนั้น กับความเห็นของอดีตอธิบดีกรมที่ดินในวันนี้ ซึ่งเป็นคนๆเดียวกัน ในกรณีเดียวกัน กลับแตกต่างกันคนละด้านอย่างสิ้นเชิง

‘ทนายคดีเขากระโดง’ซัด‘มท.1’

นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีพิพาทที่ดินเขากระโดงเปิดเผยว่าขอเรียนชี้แจงท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1)เรื่อง“พระราชประสงค์ของพระมหากษัตริย์ กับที่ดินเขากระโดง”ว่าด้วยความเคารพ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และเอกสารราชการสมัยรัชกาลที่ 5 ยืนยันชัดเจนว่า พระองค์ไม่เคยมีพระราชประสงค์จะยกที่ดินเขากระโดงทั้งหมดให้กรมรถไฟหลวงหรือการรถไฟฯ ครอบครองอย่างเบ็ดเสร็จ จึงขอชี้แจงเป็นข้อๆ ดังนี้

แจงละเอียดยิบเป็น5ประเด็น

1.พระราชดำริเมื่อ พ.ศ. 2451พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำริผ่านเจ้ากรมโยธาธิการ ตามคำขอของเจ้ากรมรถไฟ ว่าพื้นที่สองข้างทางรถไฟควรใช้เท่าที่จำเป็น ข้างละประมาณ 20 วา (ราว 40 เมตร) เขตสถานีไม่เกินข้างละ 40 วา (ราว 80 เมตร) ส่วนพื้นที่รกร้างนอกเหนือจากนี้ที่ขอข้างละ 5 เส้น (ราว 200 เมตร) พระองค์ “ไม่เห็นชอบ” และให้ยกเลิก

2.หลักฐานชัดเจนเอกสารหนังสือตอบข้อหารือของพระองค์ถึงนายแอร์ไวเลอร์ เจ้ากรมรถไฟหลวงในขณะนั้น แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ที่ดินนอกเหนือความจำเป็นไม่ได้อยู่ในพระราชประสงค์ให้ครอบครอง

3.ความแตกต่างกับพระราชกฤษฎีกาปี 2462พระราชกฤษฎีกาที่ท่านรัฐมนตรีอ้างถึง ออกในรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2462) ไม่มีปรากฏในราชกิจจานุเบกษาว่ามีการจัดซื้อหรือเวนคืนที่ดินเขากระโดงตาม พ.ร.บ. จัดวางรางแลทางหลวง พ.ศ. 2464 แต่อย่างใด

4.กรอบกฎหมายชัดเจนพ.ร.บ.จัดวางรางแลทางหลวงฯ หมวด 2 ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งที่ดินของการรถไฟฯ ไว้อย่างชัดเจน ว่าต้องได้มาโดยการซื้อ เวนคืน หรือรับโอนตามขั้นตอน ไม่ใช่การอ้างครอบครองทั้งหมดเพราะเป็น “พระราชประสงค์”

ย้ำพิสูจน์ที่ดินต้องทำที่ศาล

5.ข้อเสนอแนะท่านรัฐมนตรีอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน จึงควรเปิดใจรับฟังหลักฐานประวัติศาสตร์และข้อกฎหมายอย่างรอบด้าน การตัดสินใจและการสื่อสารต่อสาธารณะควรตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความเชื่อที่เกิดจาก“ใบสั่ง”หรือคำบอกเล่าฝ่ายเดียว

“การพิสูจน์สิทธิในที่ดินต้องทำในศาล ด้วยพยานหลักฐานที่ครบถ้วนและหากมีข้อเท็จจริงหรือหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยถูกนำเข้าสู่คดีเดิม ควรใช้เป็นฐานในการพิจารณาอย่างเปิดเผย โปร่งใส และเป็นธรรม”ทนายคดีเขากระโดง กล่าว

เลือกซ่อมสส.เขต7เชียงรายเดือด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเพิกถอนสถานะการเป็น ส.ส.และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลานาน 10 ปี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ทำให้พ้นจากส.ส.เชียงรายและหลุดจากอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้มอบหมายให้ กกต.ประจำ จ.เชียงราย ดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยกำหนดวันรับสมัครรับเลือกตั้งระหว่างวันที่ 13-17 ส.ค.นี้ และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 ก.ย.2568 ต่อไป สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 7 จ.เชียงราย ประกอบด้วย อ.เชียงแสน อ.ดอยหลวง อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ(ยกเว้น ต.บุญเรือง) และ ต.จันจว้า และ ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน

ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 นายพิเชษฐ์ ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทยและได้คะแนนนำเป็นอันดับ 1 จำนวน 31,588 คะแนน รองลงมา คือ นายประหยัด เสียงดัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน(เดิมพรรคก้าวไกล) จำนวน 25,889, และน.ส.มิรันตี บุญแก้ว จากพรรคภูมิใจไทย 18,153 คะแนน

พท.จ่อส่ง‘สจ.ต้น’ลงชิงรักษาเก้าอี้

สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้มี กระแสว่า ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยแทนนายพิเชษฐ์ คือ นายวราวุฒิ ไชยวงค์ หรือ สจ.ต้น อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เขต อ.เชียงของ ลูกหม้อเก่าของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีข่าวว่าบ้านแม่จัน ให้การสนับสนุนด้วย แต่ต้องรอมติพรรคก่อน

ปชน.ต้องวัดใจลุ้น‘ประหยัด-สจ.เอ’

ส่วนคู่แข่งเก่าคือพรรคประชาชน คาดว่าจะส่ง นายประหยัด ลงแก้มือ เพราะมีบทบาทในงานมวลชนและงานของพรรคมาตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่

ทั้งนี้ มีกระแสว่าพรรคประชาชนอาจส่ง นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชาหรือสจ.เอปัจจุบันเป็นรองประธานสภาอบจ.เชียงราย และสจ.เขต 1 อ.เชียงของ ลงสมัครแทนได้เช่นกัน โดยมีข่าวลือว่าคนในพรรคกำลังถกเถียงกันในเรื่องนี้อย่างหนักเพราะถือว่านายประหยัดอยู่คู่กับพรรคมาโดยตลอด

‘เด็กลุงป้อม’โดดลงชิงเลือกซ่อม

ผู้สมัครที่ค่อนข้างเป็นไปได้มากที่คือ น.ส.มิรันตี บุญแก้ว ซึ่งได้ย้ายขั้วไปซบ พรรคพลังประชารัฐแล้ว และได้ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวขณะไปพบพล.อ.ประวิตร วงค์สุวรรณ หัวหน้าพรรค โดยเจ้าตัวก็ได้ประกาศจะลงสมัครรับเลือกตั้งต่อหน้าลุงป้อมอีกด้วย

ขณะที่คนอื่นๆจะได้ความชัดเจนในวันสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 13-17ส.ค.นี้ต่อไป โดยคาดว่าจะมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นเพราะหมดอดีต ส.ส.ผู้ที่เคยมีชื่อชั้นสูงไปแล้ว จึงเหลือผู้สมัครใหม่และผู้ที่เคยสอบตกซึ่งต่างมีชื่อชั้นในระดับเดียวกันลงแข่งขันกัน

Leave a comment