‘ตรีนุช’ เปิดปฏิบัติการ ‘คนไทยต้องมีงานทำ’ ตั้งทีม ‘JOB HUNTER’ แก้ปัญหาการไม่มีงานทำ

'ตรีนุช' เปิดปฏิบัติการ 'คนไทยต้องมีงานทำ' ตั้งทีม 'JOB HUNTER' แก้ปัญหาการไม่มีงานทำ

‘ตรีนุช’ เปิดปฏิบัติการ ‘คนไทยต้องมีงานทำ’ ตั้งทีม ‘JOB HUNTER’ แก้ปัญหาการไม่มีงานทำ

วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 17.42 น.

ตรีนุชเปิดปฏิบัติการ ‘คนไทยต้องมีงานทำ’  ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ หางานให้คน+สร้างคนให้งาน พร้อมตั้งทีม JOB HUNTER หน่วย-ล่า-งาน จับมือเครือข่ายพันธมิตร ตั้งเป้าเพิ่มตำแหน่งงาน วันละ 1,000 อัตราและวางเป้าหมาย 150,000 อัตรา ใน 4 เดือน

กระทรวงแรงงาน  นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดตัวนโยบายระดับชาติ “คนไทยต้องมีงานทำ” อย่างเป็นทางการ เดินหน้าปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อแก้ปัญหาการไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญและกระทบต่อความมั่นคงของประชาชนไทยในทุกมิติ ตั้งเป้าหมาย จัดหาตำแหน่งงานให้ได้กว่า 150,000 อัตราภายใน 4 เดือน ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน และระบบการจัดหางานรูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศ

“ปัญหาตกงาน” คือรากของวิกฤตหลายด้าน ตรีนุชย้ำต้องแก้แบบ ‘จริงจัง–ทันที–ตรงจุด’

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัญหาคนไทย “ไม่มีงานทำ” คำ ๆ นี้ส่งผลมากกว่าแค่ไม่มีรายได้ ไม่ใช่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่เป็นสัญญาณความเปราะบางของสังคม เพราะ การตกงานคือการไร้รายได้ ขาดความมั่นคง และอาจนำไปสู่ปัญหาตามมาอีกมากมาย ตั้งแต่ปัญหาครอบครัว ความรุนแรงในสังคม ปัญหายาเสพติด กระทั่งการถูกล่อลวงโดยแก๊งสแกมเมอร์ที่กำลังเป็นภัยระดับโลก เมื่อขาดงาน ก็ขาดโอกาส ขาดความหวัง และอาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมได้ง่าย สิ่งที่ประชาชนต้องการไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงาน แต่คือความมั่นคงในชีวิต กระทรวงแรงงานต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้

“คนไทยต้องมีงานทำ” ไม่ใช่แค่คำสวยหรูที่พูดออกมาเท่ห์ ๆ แต่เป็นความรับผิดชอบของพวกเราที่ต้องร่วมมือกันทำเพื่อคนไทยที่ต้องการทำงาน “คนไทยต้องมีงานทำ” ไม่ใช่การหา ‘ตำแหน่งงานว่าง’ มาเติมตัวเลข แต่คือการสร้างรากฐานใหม่ให้ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน “งาน” ยังต้องการคน “คน” ก็ต้องการงาน หน้าที่เราคือสร้างความลงตัวให้กับสมการในข้อนี้ นโยบายใหม่ต้องใช้พลังร่วมทั้งระบบ — รัฐ–เอกชน–การศึกษา เราตบมือข้างเดียวยังไงก็ไม่ดัง ต้องมีพันธมิตรที่มาร่วมตบมือและเดินไปด้วยกัน กลไกการขับเคลื่อนนโยบายนี้ต้องเกิดจากการ จับมือกันทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง “อุปสงค์–อุปทาน” ของตลาดแรงงานไทย โดยมีกรมการจัดหางานเป็นแกนกลางเชื่อมโยงข้อมูลนายจ้าง ทักษะแรงงาน และความต้องการของประชาชน ภารกิจนี้จะขับเคลื่อนผ่านศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย

ด้วย 4 มิติเชิงรุก ได้แก่ 1) เร่งจัดหาตำแหน่งงานว่าง (Job Hunting) 2) จับคู่ทักษะกับงาน พร้อมอบรม Upskill–Reskill 3) ส่งเสริมการทำงานต่างประเทศในตลาดรายได้ดีและสวัสดิการมาตรฐาน 4) วัดผลด้วยคุณภาพงาน ความมั่นคงของอาชีพ และการเข้าถึงของทุกกลุ่ม รวมถึงบัณฑิตจบใหม่ ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

ไฮไลต์สำคัญคือเปิดตัว “ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย” 87 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงงานได้ง่ายขึ้น กระทรวงแรงงานเปิดให้บริการ ศูนย์จัดหางานเพื่อคนไทย ทั้งหมด 87 แห่ง ดังนี้ ส่วนกลาง 11 แห่ง สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1–10 จุดบริการภายในบริเวณกระทรวงแรงงาน 1 แห่ง ส่วนภูมิภาค 76 แห่ง ณ สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมี ตำแหน่งงานว่างพร้อมรองรับทันที จำนวน 61,399 อัตรา ทั้งภาคการผลิต ค้าปลีก โลจิสติกส์ ดิจิทัล ท่องเที่ยว และบริการ โดยตั้งเป้าหมายทั่วประเทศ 1,000 อัตรา ต่อวัน และกำหนดเป็นตัวชี้วัด KPI สำหรับจัดหางานจังหวัดทั้วประเทศด้วย

กรมการจัดหางานทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการส่งเสริมการมีงานทำแก่ประชาชน ทั้งการประสานนายจ้างเพื่อขอตำแหน่งงานว่าง สนับสนุนการประกอบอาชีพอิสระ ส่งเสริมการฝึกอบรม Upskill – Reskill ให้บริการข้อมูลตลาดแรงงาน และติดตามผลการบรรจุงาน จากนายจ้างและสถานประกอบการ โดยมีผลดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน ได้สร้างงาน สร้างอาชีพ ทำงานในประเทศบรรจุงานผ่านกรมการจัดหางาน แล้ว 42,000 คน คิดเป็นรายได้เฉลี่ย 7,560 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ได้จัดส่งแรงงานไทย ไปทำงานต่างประเทศแล้วกว่า 17,000 คน สร้างรายได้ 12,240 ล้านบาทต่อปี

Leave a comment