
GISTDA เข้าร่วม ‘APRSAF-31’ ประกาศวิสัยทัศน์ ดันประเด็นสำคัญของภูมิภาค
วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
GISTDA เข้าร่วม APRSAF-31 (Asia-Pacific Regional Space Agency Forum ครั้งที่ 31) ซึ่งเป็นเวทีความร่วมมือด้านอวกาศระดับพหุภาคีที่สำคัญของเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งการเข้าร่วมนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญ 2 ประการ คือ สถานะและความต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าประเทศไทย โดย GISTDA มีบทบาทที่ แข็งแกร่งและต่อเนื่อง ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศในระดับภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนความรู้ มีการนำเสนอภาพรวมกิจกรรมด้านอวกาศและภูมิสารสนเทศของไทยที่ทำร่วมกับนานาชาติ และเข้าร่วมนำเสนอความก้าวหน้าใน Working Group และ Side Event ต่างๆ ซึ่งแสดงถึงการมีส่วนร่วมทางเทคนิคและวิชาการอย่างกระตือรือร้น
สำหรับการกำหนดทิศทางและนโยบายอวกาศแห่งชาติ ประเทศไทยได้ใช้เวทีนี้ในการประกาศวิสัยทัศน์และนโยบายด้านอวกาศแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยผ่าน Country Statement และการผลักดันประเด็นสำคัญของภูมิภาค ไทยเน้นย้ำประเด็นสำคัญที่ต้องรับมือร่วมกัน ได้แก่ transboundary pollution (มลพิษข้ามพรมแดน), Space Situation Awareness (SSA) / Space Traffic Management (STM) (การรับรู้สถานการณ์อวกาศและการบริหารจัดการการจราจรทางอวกาศ) และ Space exploration (การสำรวจอวกาศ) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความท้าทายระดับโลกและระดับภูมิภาค และความพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการแก้ไข
ในขณะที่ด้านการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระดับโลก GISTDA ได้ดำเนินการหารือทวิภาคีกับผู้แทนระดับสูงจากหน่วยงานอวกาศชั้นนำระดับโลกมากมาย เช่น NASA (สหรัฐอเมริกา) , JAXA (ญี่ปุ่น) , ESA (ยุโรป) , Australian Space Agency (ASA) (ออสเตรเลีย) , Philippines Space Agency (PhilSA) , TASA (ไต้หวัน) และ CSIRO, GA, JICA
.jpg)
การประชุมหารือร่วมกันนี้ก็เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือในโครงการต่างๆ ในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานอวกาศชั้นนำของโลกให้ความสนใจและเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในการเป็นพันธมิตร โดยประเทศไทยประกาศความยิ่งใหญ่ในการเป็นเจ้าภาพจัด “APRSAF-32” ในปี ค.ศ. 2026 ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทสไทยที่จะแสดงให้เห็นว่า ไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติ ในการได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำคัญระดับภูมิภาคที่รวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกว่า 500 คน เป็นการยืนยันถึง ความเชื่อมั่น และ การยอมรับ ในสถานะและศักยภาพด้านอวกาศของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ และไทยจะมีโอกาสในการเป็นผู้นำกำหนดวาระการประชุม และแสดงความพร้อมด้านบุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารจัดการต่อสายตาของประชาคมอวกาศโลก
วันนี้ ประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงผู้เข้าร่วมในเวทีอวกาศเท่านั้น แต่กำลังก้าวขึ้นเป็น ผู้เล่นที่แข็งขัน (Active Player) และ ผู้นำ (Regional Leader) ในการขับเคลื่อนความร่วมมือและการจัดการความท้าทายด้านเทคโนโลยีอวกาศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เทคโนโลยีอวกาศเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน