‘ณัฐวุฒิ’ยันหลักการปรับกลไกทำรธน.เปิดทางปลดล็อกสู่ฉบับใหม่ คาด 2 ปีเห็นการเปลี่ยนผ่าน

‘ณัฐวุฒิ’ยันหลักการปรับกลไกทำรธน.เปิดทางปลดล็อกสู่ฉบับใหม่ คาด 2 ปีเห็นการเปลี่ยนผ่าน

‘ณัฐวุฒิ’ยันหลักการปรับกลไกทำรธน.เปิดทางปลดล็อกสู่ฉบับใหม่ คาด 2 ปีเห็นการเปลี่ยนผ่าน

วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.10 น.

‘ประธานกมธ.แก้รธน.’ยันหลักการปรับกลไกทำรธน.ใหม่ เปิดทางปลดล็อกสู่ฉบับใหม่ ย้ำอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน คาด 2 ปีเศษจะเห็นรัฐธรรมนูญใหม่

10 ธ.ค.68 เมื่อเวลา09.40น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา  เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ.. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ

โดยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกมธ.ฯ รายงานผลการพิจารณาว่ากมธ.ได้พิจารณาโดยเป็นไปตามหลักการของร่างแก้รัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีบทสรุปส่วนแก้ไขในส่วนของกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก ตามสูตร 20 หยิบ1  มีหน้าที่และอำนาจและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า กมธ.ได้ปรับเปลี่ยนจากสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ เป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือก มีหน้าที่และอำนาจ รับฟัง รวบรวมความคิดเห็นจากประชาชนอย่างทั่วถึง รอบด้าน เป็นระบบ ขอให้สว. สส. ครม. หรือหน่วยงานต่างๆ  ลงพื้นที่ฟังความเห็นเพื่อนำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และเผยแพร่สาระความคืบหน้าของการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านช่องทางต่างๆ 

นายณัฐวุฒิ รายงานต่อที่ประชุมต่อว่า กรณีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญหลังจากที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความคิดเห็นดำเนินการแล้วเสร็จภายใน360 วัน เมื่อทำแล้วเสร็จตามกรอบเวลา ต้องส่งให้รัฐสภาดำเนินการ ในหลัก 2 ครั้ง  1 วาระ คือ โดยครั้งแรก คือให้รัฐสภาอภิปรายให้ความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่างๆ โดยไม่ลงมติ เพื่อให้กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความเห็น รับกลับไปพิจารณาปรับแก้ไข และครั้งที่สอง ส่งเนื้อหากลับให้รัฐสภาลงมติว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า กมธ.พิจารณาปรับกรอบเนื้อหาและสาระสำคัญที่จะปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ได้ปรับแก้ไขให้สมบูรณ์มากขึ้น นอกจากความสมบูรณ์ของการปกครอง การรับรองเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันสิทธิเสรีภาพ กลไกความสัมพันธ์ทางการเมือง การตรวจสอบถ่วงดุล หลักนิติธรรม หลักยุติธรรมอันชอบธรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่วางเงื่อนไขบางส่วนไว้ โดยได้เพิ่มหลักการการกระจายอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่น นอกจากนั้นได้เพิ่มมาตราใหม่ โดยให้นำบทบัญญัติหมวด 1 ทั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญ 2560 มาบัญญัติไว้ไม่ให้แก้ไข  และกมธ.ได้เพิ่มบทเฉพาะกาล โดยรับรองการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ ให้ถือเป็นการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรายังไม่จำเป็น เพราะมุ่งไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องพิจารณาแก้ไขให้เกิดขึ้นก่อน ซึ่งเชื่อว่ารัฐสภาจะร่วมกันพิจารณาผ่านเนื้อหา รวมถึงการออกเสียงประชามติของประชาชน ส่วนสาระของรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นแบบใด หรือต้องมีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) หรือ จำเป็นต้องมีบทเฉพาะกาลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพของสมาชิกรัฐสภาหรือเรื่องอื่นๆ จะบัญญัติไว้หรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคตที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญและกมธ.รับฟังความเห็น รัฐสภา และประชาชนตัดสิน จึงไม่พิจารณาประเด็นเหล่านั้น

“หากมีรัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้นจริง กมธ.ยืนยันว่าอาจใช้เวลาเกือบ 2 ปีเศษซึ่งเหมาะสมและพอควรต่อการเปลี่ยนผ่านของประเทศอีกครั้ง ร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมดมีมาตราหลัก  8 มาตรา มีเพียง 1 หมวด มี 39 มาตราย่อยกมธ.แก้ไข 33 มาตรา ไม่แก้ไข 3 มาตรา ได้ตัดออก 10 มาตรา และเพิ่มขึ้นใหม่ 3 มาตรา เท่ากับว่าหากเดินหน้าพิจารณา ต้องลงมติรวมกันประมาณ 50 ครั้ง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า กมธ.หวังว่า 10 ธ.ค. ที่ตรงกับที่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญถาวรเกิดขึ้นครั้งแรก จะนำไปสู่การเปิดประตูเพื่อปลดล็อกการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อยืนยันอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชนและเจตจำนงที่ยึดโยงกับประชาชนอีกครั้ง เพื่อจัดกระบวนการเมืองเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ เรื่องใดๆ สถานการณ์ชายแดน ปากท้อง ภัยพิบัติ เสถียรภาพของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลักประกัน สิทธิเสรีประชาน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของกมธ.  และสมาชิกรัฐสภา

Leave a comment