
กัญจนา ร่ายยาว แจง ท็อป ซบภูมิใจไทย ดิ้นหนีตายทางการเมือง
วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 10.36 น.
วันที่ 19 ธันวาคม 2568 น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก NuNa Silpa-archa ระบุว่า ปกติ..เฟสของดิฉันจะไม่พูดเรื่องการเมือง…
แต่ครั้งนี้ขอใช้โพสต์นี้ ช่วยน้องชี้แจงเหตุผลที่เขาต้องลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนาไปอยู่พรรคภูมิใจไทย… (เขาไม่ได้ขอให้ดิฉันชี้แจง แต่ดิฉันต้องการชี้แจงเองค่ะ)…
โพสต์นี้จะยาวหน่อยนะคะ แต่มันกลั่นมาจากใจ… บนพื้นฐานของความจริงที่หลายคนอาจไม่ทราบ… การเขียนของดิฉัน จะลำดับเรื่องราวเป็นข้อๆนะคะ…
1. การทำงานการเมืองในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า การเป็นพรรคขนาดเล็ก..ทำงานลำบากมาก…
2. ทราบไหมคะว่า ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2566 ..ท็อปลงในแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งของพรรคชาติไทยพัฒนา และเกือบสอบตก…
ท็อปได้เป็นสส.ปัดเศษ..
3. พรรคชาติไทยพัฒนาแม้จะได้สส.เขตทั้ง 5 เขต (ซึ่งก็ต้องขอบคุณคุณคนสุพรรณ ที่ช่วยกรุณาเลือกค่ะ) แต่แม้แต่ช่วงที่พ่อบรรหารยังอยู่..คะแนนพรรคเราก็ไม่ได้อันดับหนึ่ง… ทั้งๆที่พ่อ และพรรค ทำงานเพื่อคนสุพรรณมาเกือบทั้งชีวิตของพ่อ… ยิ่งการเลือกตั้งครั้งล่าสุด.. คะแนนพรรคชาติไทยพัฒนาได้เป็นที่ 3 ด้วยซํ้า แพ้คะแนนพรรคที่ไม่เคยทำอะไรให้กับจังหวัดสุพรรณเลย…
4. ก็เพราะท็อปและสส.ของพรรคยังต้องการทำงานให้คนสุพรรณ และประเทศชาติโดยรวมอยู่ จึงต้องหาพื้นที่ที่จะสามารถยืนอยู่บนถนนการเมืองต่อไปได้…
5. ซึ่งเมื่อตัดสินใจว่า จะต้องย้ายมาอยู่พรรคใหญ่ พวกเขาต้องเลือกพรรคที่ยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์…จึงเลือกมาอยู่พรรคภูมิใจไทย…
6. การลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนามาอยู่พรรคภูมิใจไทย..ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาทิ้งพรรคที่พ่อทำมา แต่หมายความตามที่ดิฉันกล่าวแล้วข้างต้นว่า …ถ้ายังอยู่ที่เดิมคงไม่มีพื้นที่ที่จะทำงานการเมืองต่อได้…
7. เหมือนชีวิตของพ่อบรรหาร …แม้พ่อรักสุพรรณแค่ไหน พ่อก็ยังต้องจากสุพรรณมาเพื่อมาทำมาหากินที่กรุงเทพฯ จนมีฐานะมั่นคง แล้วจึงกลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน… ถ้าใช้ความคิดว่า..เพราะรักสุพรรณ ต้องอยู่แต่สุพรรณตลอด พ่อคงไม่มีโอกาสเติบโต จนได้ทำงานใหญ่ให้บ้านเกิด และประเทศชาติได้..
8. ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ… สำหรับท็อปและชาวพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ต้องออกมาสู่พรรคใหญ่…
9. ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา…ในอนาคตดิฉันก็จะมารับรักษาการเป็นหัวหน้าพรรค แต่จะไม่มีกิจกรรมใดทางการเมือง แค่เพียงรักษาพรรคไว้..
10. ดิฉันก็ชี้แจงเท่าที่ทำได้…
ยอมรับว่ารุ่นลูก เราไม่เก่งเท่าพ่อ แต่เราสองคนพี่น้องก็ได้พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว…ตัวดิฉันเองนั้น ไม่ได้ชื่นชอบวิถีการเมืองเลย เพราะรู้ดีว่าไม่เหมาะกับนิสัยตัวเอง..ช่วงที่พ่ออยู่ก็แค่ช่วยพ่อ.. สำหรับดิฉัน…การเมืองมีประโยชน์เพียงช่วยให้ดิฉันได้ทำงานช่วยชีวิตสัตว์และคนตัวเล็กตัวน้อยได้มีพลังขึ้น เพราะถ้าเราไม่มีตรงนี้ เวลาไปประสานทางการ …ข้าราชการก็อาจไม่ค่อยฟังเรา ไม่ช่วยงานเรา…แม้สิ่งที่เราขอให้เขาทำ ก็คืองานในความรับผิดชอบของเขาทั้งสิ้น ไม่เคยมีผลประโยชน์ส่วนตัวของเราเองเลย… ที่ดิฉันชี้แจงมา.. ท่านใดเข้าใจ ดิฉันก็ขอบพระคุณ
แต่ดิฉันก็ไม่สามารถก้าวล่วงวิจารณญาณของแต่ละท่านได้ค่ะ.. แค่รู้สึกว่าอยากจะชี้แจงเท่านั้นค่ะ…และไม่อยากได้ยินใครมาพูดอีกว่า..รุ่นลูก ทิ้งพรรคที่พ่อสร้างมา…ถ้าท็อปยุติบทบาททางการเมืองนั่นสิ ถึงจะเป็นการทิ้งงานที่พ่อทำมา..ไม่สานต่อ…
ขอบพระคุณสำหรับท่านที่อ่านจนจบนะคะ….