
‘อนุทิน’หนุนทหารสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ลั่นไทยไม่มีวันแพ้ ‘บิ๊กเล็ก’ย้ำเงื่อนไขหยุดยิง กัมพูชาสิ้นสุดเป็นปรปักษ์
วันเสาร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
‘อนุทิน’หนุนทหารสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ลั่นไทยไม่มีวันแพ้ ‘บิ๊กเล็ก’ย้ำเงื่อนไขหยุดยิง กัมพูชาสิ้นสุดเป็นปรปักษ์ ตามยึดคลังแสงศัตรูอีกเพียบ
ทภ.2 สรุปสู้รบชายแดนหลายพื้นที่ยังปะทะหนัก เขมรยิงปืนใหญ่ BM-21 ตกใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ด้านกองทัพไทยส่งเครื่องบินทำลายคลังจรวด BM-21 บริเวณยอดเขาเปี๊ยะสะแบก แหล่งข่าวทัพไทยเผย ศพทหารกัมพูชาที่ชายแดน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทางการเขมรปฏิเสธรับศพทหารตัวเองกลับบอกว่าไม่ใช่ทหารของเขมร ด้านทร.เผยหลังนาวิกฯบุกยึดพื้นที่บ้านสามหลัง บ.หนองรี สำเร็จ ตรวจพบหลักฐานชี้ชัด กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เพราะมีทั้งบันทึกพิกัดการวางทุ่นระเบิดสังหาร-การฝึกสอน –กับดักรถถึงดัดแปลง เช่นเดียวกับที่บ้านสามหลัง จ.ตราด มีหัวลูกปืนใหญ่ 105 มม. ดัดแปลงเป็นระเบิด รอกดปุ่มบึ้มทีเดียวพร้อมกัน ทำลายล้างสูง ขณะที่บิ๊กเล็กย้ำไทยหยุดยิง ถ้าเขมรสิ้นสุดการเป็นปฎิปักษ์ชัดเจน แล้วมาว่าเรื่องเจรจา นายกฯลั่นไทยไม่มีแพ้ พร้อมหนุนและสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับทหาร-กองทัพ ขอให้มั่นใจ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธันวาคม โดยมีเหตุการณ์สำคัญในพื้นที่ส่วนหลัง กระสุนปืนใหญ่กัมพูชายิงตกบริเวณ บ้านภูมิซลอน และทางขึ้นอุทยานผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ และฝ่ายไทยยังไม่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิต 2 นายออกจากพื้นที่เนิน 350 ปราสาทตาควายได้ เนื่องจากกัมพูชาป้องกันด้วยอาวุธปืนเล็กยาว ลูกระเบิดขว้าง และกับระเบิดหนาแน่น
ไทยตรึงช่องอานม้า-ห้วยตามาเรียตึงเครียด
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ช่องบก ทั้งสองฝ่ายยังปะทะเป็นระยะแบบประปรายลักษณะเช็คแนว ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสถานการณ์โดยรวมปกติ พื้นที่ช่องอานม้า ไทยตรึงกำลังตลอดแนวการวางกำลัง และสถาปนาความมั่นคงบริเวณที่หมาย
ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ พื้นที่ซำแต – โดนตรวล – ภูผี – สัตตะโสม – พนมประสิทธิโส – ช่องตาเฒ่า เครื่องบิน F-16 ทิ้งระเบิดยอดเขาเปี๊ยะสะแบกของฐานทหารกัมพูชา ที่ตั้งโรงเก็บ จรวดหลายลำกล้อง BM-21
พื้นที่บริเวณผามออีแดง – ห้วยตามาเรีย พื้นที่นี้มีความตึงเครียดสูง ทหารกัมพูชายิงปืน ค.100 ปืนใหญ่ โดรน FPV และโดรนทิ้งระเบิดจำนวนมากเข้ามาทิ้งฝั่งไทย ฝ่ายไทยจึงใช้ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดยิงตอบโต้หลายรอบ นอกจากนี้ ยังตรวจพบโดรนจำนวนมาก บริเวณพื้นที่ผามออีแดงและมีกระสุนปืนใหญ่ กัมพูชายิงมาตกบ้านภูมิซลอน และทางขึ้นอุทยานผามออีแดง
ยังนำศพ2ทหารพลีชีพลงเนิน350ไม่ได้
พื้นที่ภูมะเขือ – ช่องโดนเอาว์ – พลาญยาว – พลาญหินแปดก้อน ไทยตรวจพบโดรนทิ้งระเบิด กัมพูชาในพื้นที่ภูมะเขือ หลายห้วงเวลาตลอดทั้งวัน และโดรน FPV ทหารกัมพูชา โจมตีฝ่ายไทยและติดตาข่ายฝ่ายไทยบริเวณภูมะเขือและระเบิด กำลังพลปลอดภัย
ชายแดนจังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ช่องจอม – ช่องเปรอ – ช่องระยี ไทยเข้ายึดที่หมายโอคลาคมุมพื้นที่ช่องจอม ไทยเสริมความมั่นคงแนวการวางกำลัง พื้นที่คนาฝ่ายไทยสถานปนาที่หมาย และตรึงกำลังในพื้นที่ตลอดแนวการวางกำลัง พื้นที่ตาควายฝ่ายทหารกัมพูชายิงรถถัง ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้องBM-21 เข้ามาเป็นช่วง ทหารกัมพูชายังใช้โดรนตรวจจการณ์ และโดรน FPV เป็นจำนวนมากเข้ามาฝั่งไทย
ฝ่ายไทยยังไม่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิต ลงมาจากเนิน 350 ได้ เนื่องจากทหารกัมพูชาต่อต้านอย่างหนาแน่นด้วย ปืนเล็กยาว ลูกระเบิดขว้าง และกับระเบิด มั้งนี้ยังสะท้อนว่า ทหารกัมพูชายังคงจับตามองพื้นที่ และเตรียมตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง
แนวชายแดน4จว.มีปะทะต่อเนื่อง
พื้นที่ช่องกร่าง ฝ่ายไทยใช้ปืนทำการยิงข่มรถถังทหารกัมพูชาที่พื้นที่ตรงข้าม พื้นที่ตาเมือนธม ทหารกัมพูชาระดมยิงปืนเล็กยาว ปืน ค. ปืนใหญ่อย่างหนาแน่นตลอดแนวมีการปะทะ ด้วยอาวุธหนักอย่างหนาแน่น และยิงปืนเล็กเป็นระยะๆ ตรวจพบ UAV จำนวนมากตลอดวัน พื้นที่ฝ่ายไทยยังถูกเฝ้าตรวจและคุกคามด้วยระบบอากาศยานไร้คนขับต่อเนื่องถึงช่วงค่ำ
ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ พื้นที่ช่องสายตะกู ทั้ง 2 ฝ่าย มีการตรึงกำลังตลอดแนว และปรากฏการยิงตอบโต้กันด้วยปืน ค. และ ปืนใหญ่ เป็นระยะๆ
ส่งF-16บึ้มคลังจรวดBM-21ที่เปี๊ยะสะแบก
ต่อมาเวลา 12.00 น.8 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 19 ธันวาคม 2568 พื้นที่โดนตรวล – ซำแต – สัตตะโสม – พนมประสิทธิโส – ช่องตาเฒ่า กัมพูชาใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่เป็นช่วงๆ ไทยยิงตอบโต้ด้วยปืนเล็กและใช้ปืนใหญ่ยิงต่อต้านปืนใหญ่ของกัมพูชา และใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดบริเวณยอดเขาเปี๊ยะสะแบก คาดว่าเป็นที่ตั้งโรงเก็บจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ของกัมพูชา
พื้นที่ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย กัมพูชาใช้ปืนเล็กยาว เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ โดรนทิ้งระเบิด และโดรนพลีชีพ FPV โจมตีฝ่ายเรา ฝ่ายเราใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ ยิงทำลายเป้าหมาย พื้นที่ภูมะเขือ – ช่องโดนเอาว์ – พลาญยาว – พลาญหินแปดก้อน กัมพูชาโจมตีด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ ใช้โดรนทิ้งระเบิด โดรนพลีชีพ FPV ต่อกำลังฝ่ายไทย แต่กำลังพลเราปลอดภัย
ตาควาย-เนิน350เขมรโจมตีด้วยBM-21
พื้นที่ตาควาย – บริเวณเนิน 350 กัมพูชาโจมตีด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ และจรวด BM-21 เป็นระยะมีการใช้โดรนตรวจจการณ์ และโดรน FPV เป็นจำนวนมาก ตรวจพบรถบรรทุกวิ่งเข้ามาในพื้นที่ คาดว่าเป็นการส่งกำลังบำรุงของกัมพูชา ไทยปฏิบัติตามแผนเชิงรุก ยึดครองภูมิประเทศสำคัญ จากการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายกัมพูชายังจับตามองพื้นที่นี้ และเตรียมตอบโต้ฝ่ายเรา ปัจจุบันฝ่ายเรายังไม่สามารถนำร่างกำลังพลที่เสียชีวิต 2 นาย ลงมาจากเนิน 350 ได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชา ต่อต้านอย่างหนาแน่นด้วยปืนเล็กยาว ลูกระเบิดขว้าง และวางกับระเบิดในพื้นที่
พื้นที่ตาเมือน กัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธปืนเล็ก และเครื่องยิงลูกระเบิดเบาบางในพื้นที่ มีการใช้อากาศยานไร้คนขับ UAV บินตรวจการณ์ในพื้นที่ ช่วง 18.00 น. – 20.00 น. ฝ่ายเราวางกำลังตั้งรับและใช้ปืนใหญ่ ยิงข่มที่ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่ตรงข้ามปราสาทตาเมือน
ทภ.2พาสื่อตปท.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้นำคณะผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จากสำนักข่าว Nikkeiประเทศญี่ปุ่น, สำนักข่าว Tv2 ประเทศนอร์เวย์ และสำนักข่าว Al Jazeera ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวจังหวัดศรีสะเกษ และเข้าพื้นแนวชายแดน เพื่อสังเกตการณ์ และเผยแพร่ข่าว ผลกระทบความเสียหายต่อบ้านเรือนและทรัพย์สิน รวมถึงผลกระทบต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยในพื้นที่ชายแดน จากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ที่ใช้อาวุธปืนใหญ่ และจรวด BM-21 ยิงเข้ามาในประเทศไทย โดยไม่เลือกเป้าหมายทางทหาร ส่งผลให้กระสุนปืนใหญ่ และลูกจรวด BM-21 ตกในพื้นที่พลเรือนไทย มีประชาชนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิต บ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร ของฝ่ายไทยเสียหายจำนวนมาก
เขมรปัดรับศพทหารตัวเองกลับ-เน่าคาชายแดน
แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 รายงานเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชาตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมถึงปัจจุบันรวม 12 วัน ในพื้นที่ชายแดน 4 จังหวัด ส่งผลให้ทหารสองฝ่ายบาดเจ็บเสียชีวิต ในส่วนทหารไทยนำร่างผู้เสียชีวิตกลับจัดพิธีทางศาสนา เหลือเพียง 2 ร่างอยู่ระหว่างนำออกมาจากพื้นที่แนวรบ ทั้งนี้ ในส่วนทหารกัมพูชาเสียชีวิตในพื้นที่อธิปไตยของไทย ทหารไทยเก็บร่างพร้อมประสานให้ทางการเขมรรับกลับ แต่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธรับร่างทหารตัวเอง ทำให้ชายแดนไทย-กัมพูชา มีกลิ่นศพส่งกลิ่นคละคลุ้งตลอดแนว เช่นเดียวกับการปะทะรอบแรกช่วงเดือนกรกฎาคม ทางการกัมพูชาปฏิเสธรับศพทหารตัวเองกลับเช่นกัน พร้อมทั้งระบุว่า ไม่ใช่ทหารของกัมพูชา ทำให้ทหารไทยนำปูนขาวมาโรยรอบพื้นที่ ป้องกันโรคระบาดและกลิ่นไม่พึงประสงค์
แหล่งข่าวกองทัพภาคที่ 2 กล่าวต่อว่า สอดคล้องกับหน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ตราด สำนักงานประสานงานชายแดน ไทย – กัมพูชา กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด(กปจ.ชต.) มีภารกิจประสาน ติดตามแก้ปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดน และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานของประเทศกัมพูชาที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามหลักมนุษธรรมและกฎเกณฑ์ที่กำหนดนั้น ที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะบริเวณบ้านสามหลัง บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด ทำให้มีทหารกัมพูชาสูญเสียจากการปะทะ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดเก็บชิ้นส่วนศพของทหารกัมพูชา ส่งศพคืนมาตุภูมิ โดยระหว่างรอประสานเจ้าหน้าที่กัมพูชาในการส่งศพกลับมาตุภูมิประเทศกัมพูชา ตามหลักมนุษยธรรม ขอความอนุเคราะห์นำฝากชิ้นส่วนศพไว้กับโรงพยาบาลตราดต่อไป
ทร.แฉเขมรซุกทุ่นบึ้มสังหารที่บ้านหรองรี
ด้านพลเรือตรีปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือแถลงชี้แจงกรณีกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) เข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่บ้านหนองรี ซึ่งเดิมถูกใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหารของกัมพูชา หลังเข้าเคลียร์พื้นที่ได้ตรวจพบคลังเก็บทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถูกดัดแปลงจากทุ่นระเบิดดักรถถัง 16 ลูก ที่พร้อมใช้งาน ถือว่าการกระทำลักษณะจงใจสร้างอันตรายโดยไม่เลือกเป้าหมาย และเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งกำลังพลและพลเรือน
โชว์หลักฐานเด็ดบันทึกฝึกทหารใช้ทุ่นสังหาร
นอกจากนี้ จากการตรวจยึดและตรวจสอบพื้นที่ฐานพลุ๊กดรัมเรย (บ้านสามหลัง) เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังได้ตรวจพบเอกสารทางทหารของกัมพูชา เป็นเอกสารการจดบันทึกของผู้เข้ารับการฝึกใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ชนิด PMN-2 มีเนื้อหาครอบคลุมลักษณะทั่วไปของทุ่นระเบิด การวาง และการเก็บกู้ มีการระบุวันที่จัดการสอนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 อีกด้วย เอกสารดังกล่าวถือเป็นพยานหลักฐานที่ชัดเจน แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชามีการอบรม ให้ทหารกัมพูชาใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มิใช่การกระทำโดยบังเอิญหรือเฉพาะหน้า และสะท้อนถึงเจตนาในการใช้ “สงครามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ต่อฝ่ายไทย ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
ฉะเขมรจงใจใช้สงครามระเบิดสังหาร
“กองทัพเรือขอย้ำว่า การกระทำดังกล่าวของกัมพูชาละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยขัดพันธกรณีระหว่างประเทศหลายประการ อาทิ อนุสัญญาออตตาวา ค.ศ.1997 ซึ่งกำหนดห้ามการใช้ ผลิต หรือครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พิธีสารเพิ่มเติม ฉบับที่ 1 แห่งอนุสัญญาเจนีวา ที่บัญญัติหลักการแยกแยะระหว่างเป้าหมายทางทหารกับพลเรือน และห้ามใช้อาวุธหรือวิธีรบที่มีลักษณะไม่สามารถจำกัดผลกระทบต่อเป้าหมายทางทหารได้”โฆษกทร.ระบุ
จี้เขมรยุติละเมิดกม.ระหว่างปท.-รับผิดชอบ
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้ ครอบครอง รวมถึงดัดแปลงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลดังกล่าว และเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ไม่เพียงเป็นการฝ่าฝืนพันธกรณีตามกฎหมายสากลเท่านั้น หากแต่สะท้อนการไม่เคารพหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน และกองทัพเรือขอประณามการกระทำของกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศทันที พร้อมทั้งแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ ฝ่ายไทยขอยืนยันว่าจะดำเนินการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชน ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด
เขมรจ้องตีคืนบ้าน3หลัง-ไทยยิงโต้หนีกระเจิง
น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดเปิดเผยสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชาระหว่างเวลา 05.00-06.00 น.วันเดียวกันนี้มีเสียงปืนดังสนั่นว่า ช่วงดังกล่าว ทหารฝ่ายไทยตรวจการณ์พบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกับกัมพูชานำรถยนต์ 3-4 คัน เข้ามายังพื้นที่บ้านสามหลัง ทำให้ไทยต้องระดมยิงปืนใหญ่และปืนคอ ขับไล่ออกจากพื้นที่ มีการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กสลับกันไป แต่กัมพูชาไม่มีอาวุธหนักตอบโต้ฝ่ายไทย เพราะถูกทำลายไปหมดแล้ว
ผบ.ฉก.นย.ตราดให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังไทยเข้ายึดพื้นที่บ้านสามหลังได้วันที่ 14 ธันวาคม กัมพูชาพยายามนำกำลังเข้าตีคืนบ้านสามหลังอย่างต่อเนื่องจนถีงปัจจุบัน ซึ่งไทยใช้ฐานที่มั่นและบังเกอร์ที่กัมพูชาสร้างไว้อย่างแข็งแรงทนทานจากแรงระเบิดจากระเบิด F16 มาใช้ประโยชน์ยิงตอบโต้กัมพูชา ซึ่งขณะนี้ทหารไทยต้องรักษาพื้นที่บ้านสามหลังไว้ ล่าสุดได้วางกำลังไว้ทั้งหมดแล้ว และเชื่อว่าทหารกัมพูชาไม่สามารถตีคืนบ้านสามหลังได้แน่นอน เพราะทหารกัมพูชาอ่อนกำลังลงมาก ขวัญกำลังใจถดถอย อีกสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามหนีไปอย่างเร่งรีบ ทิ้งทั้งเป้และอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้จำนวนมาก การที่เขาพยายามเข้าตีคืนน่าจะเป็นการทำตามคำสั่งเพื่อหลีกเลี่ยงโทษกบฏมากกว่าความพร้อมในการรบ กัมพูชายังไม่หยุด นำกำลังตีคืนบ้านสามหลัง
“สิ่งที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดกังวลมากกว่าคือ ทุ่นระเบิดรถถังที่ดัดแปลงติดตั้งไว้ทั่วพื้นที่บ้านสามหลัง ที่หน่วยเก็บกู้กู้ได้แล้ว 16 ทุ่น แต่เชื่อว่ายังมี 4 ทุ่นยังไม่เจอ”น.อ.ธรรมนูญกล่าว
บ่อไร่-คลองใหญ่ปลอดภัยให้ปชช.กลับบ้านได้
และว่า สถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่ น.อ.ธรรมนูญยืนยันพื้นที่อ.คลองใหญ่ และอ.บ่อไร่ ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากไม่มีการยิงโต้ตอบมานานมากกว่า 7 วัน ประชาชนสามารถกลับเข้าที่พักอาศัยได้ตามปกติ ส่วนกรณีเสียงปืนและควันไฟที่บ้านตามหลังเมื่อวันก่อน ตรวจสอบแล้วพบเป็นเพียงการเผานาของชาวบ้าน ไม่ใช่การซุ่มโจมตีตามที่ตื่นตระหนกกัน ส่วนโดรนที่มีรายงานว่า พบการบินวนในพื้นที่บ้านท่าเส้น น.อ.ธรรมนูญ ชี้แจงว่าส่วนใหญ่เป็นโดรนตรวจการณ์ขนาดเล็กที่บินเพื่อก่อกวน ไม่ใช่โดรนโจมตี และเชื่อว่ามีการปล่อยโดรนจากภายในพื้นที่ใกล้เคียง ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะไทยมีมาตรการเฝ้าระวังและรู้พิกัดฝ่ายตรงข้ามชัดเจน
บิ๊กเล็กย้ำเขมรหยุดยิงทำได้ทันทีค่อยมาคุย
วันเดียวกัน ที่สํานักงานปลัดกลาโหมศรีสมาน องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จัดกิจกรรมรวมพลทหารผ่านศึก ตามโครงการ“พลังทหารผ่านศึกเพื่อแผ่นดิน” มีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยพลเอกณัฐพลกล่าวถึงกรณีเขมรอ้างมีประชาชนเรือนแสนเรียกร้องสันติภาพไทย-กัมพูชาว่า ไม่แน่ชัด ภาพที่ปรากฏตัวเลขตามนั้นหรือไม่ ดูแล้วไม่น่าถึง ย้ำว่าถ้าเขมรต้องการหยุดยิงสามารถทำได้ทันที พร้อมถอนกำลังเผชิญหน้าออกจากพื้นที่ ถ้ารัฐบาลเขมรและมวลชนบอกว่าหยุดยิง แกนนำมวลชนก็คือคนในตระกูลฮุน แต่ทหารหน้าแนวก็ยังมาก่อกวนอยู่ การเผชิญหน้าก็ยังคงอยู่ ต้องถามกลับว่าจะหยุดยิงได้อย่างไร
“ย้ำว่าถ้าเขมรต้องการหยุดยิง ก็ผลักกำลังออกไป แล้วค่อยมาเจรจา และยืนยันปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ อย่าไปคิดว่าต้องเป็นจีนหรือสหรัฐหรือประเทศไหน“พลเอกณัฐพลกล่าว
ลั่นไทยจะหยุดยิงเมื่อเขมรสิ้นสุดเป็นปฎิปักษ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนวันที่ 22 ธันวาคมนี้ที่มาเลเซีย กัมพูชาจะตอบรับ 3 ข้อเสนอหยุดยิงของไทยอย่างไร รมว.กลาโหมย้ำว่า ไทยต้องการสันติภาพมาตั้งแต่ต้น และเขมรก็รับทราบ ซึ่งเป็นเรื่องที่สองประเทศต้องคุยกัน ขณะเดียวกันขอบคุณประเทศต่างๆที่ปรารถนาดี ก็คิดเช่นกันว่า การประชุมวันที่ 22 ธันวาคม ประเทศต่างๆคงอยากให้ไทย-กัมพูชาหยุดยิง แล้วมาคุยกัน แต่ประเทศเหล่านั้นต้องพูดคุยกับกัมพูชาด้วย เพราะฝ่ายที่เริ่มต้นคือกัมพูชา และเคลื่อนกำลังมาก่อน ประเทศมหาอำนาจก็มีดาวเทียมตรวจสอบได้ว่ากัมพูชาเคลื่อนกำลังมาก่อน ถ้าจะหยุดยิงถาวร สิ้นสุดความเป็นปฏิปักษ์ อย่างเปิดเผยและต่อเนื่อง กัมพูชาก็ต้องถอนกำลังออกไปพร้อมปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ ไทยก็พร้อมหยุดยิง เพื่อสู่กระบวนการสันติภาพ
“เราจะหยุดยิงเมื่อกัมพูชาสิ้นสุดความเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน ต่อเนื่อง และเปิดเผย หากครบองค์ประกอบ 3 ข้อนี้ ก็สามารถดำเนินต่อไปได้“รมว.กลาโหมกล่าว และยืนยันว่า กระทรวงกลาโหมสนับสนุนข้อมูลให้กระทรวงต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการหารือวันที่ 22 ธันวาคม และมอบให้พลเอก ณัฐพงษ์ เพราแก้ รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้แทนกองทัพไทยร่วมคณะไปด้วย นอกจากนี้ ยังคุยระดับนโยบายกับกระทรวงต่างประเทศว่าท่าทีของไทยวันที่ 22 ธันวาคม ควรเป็นอย่างไร
งงตปท.ไม่ประณามเขมรฝังระเบิดสังหาร
ส่วนการปฏิบัติการทางอากาศ ในพื้นที่ปอยเปตนั้น รมว.กลาโหมย้ำว่า ให้หลักการชัดเจนหลีกเลี่ยงเป้าหมายพลเรือน ปฎิบัติการเช่นนี้ต้องได้รับการพิสูจน์ทราบว่าเป็นเป้าหมายทางทหารหรือพลเรือน ยืนยันกองทัพไทยจะโจมตีเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เรามีเทคโนโลยีที่ตรวจสอบได้ ขณะที่กัมพูชาโจมตีโดยไม่ได้สนใจเป้าหมาย ส่งผลให้คนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บ ข้อเท็จจริงตรงนี้ยืนยันกับนานาชาติได้
พลเอกณัฐพลกล่าวด้วยว่า ยังรู้สึกแปลกใจที่นานาชาติบอกให้ประเทศไทยหยุดยิง และไม่มีประเทศไหนออกมาประณามกัมพูชา กรณีทหารไทยเหยียบระเบิดขาขาดถึง 7 นาย ซึ่งผิดอนุสัญญาออตตาวา
ศปปส.ยื่นหนังสือให้กำลังใจนายกฯ-ทหาร
เวลา 11.40 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กลุ่มพสกนิกรปกป้องดินแดนและรักสถาบัน ซึ่งประกอบไปด้วย มวลชนจากจังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี เพชรบุรี และกลุ่มศปปส. นำจดหมายเปิดผนึกพร้อมดอกไม้มายื่นให้กำลังใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย เรื่องการพิทักษ์อธิปไตยและการธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของประเทศไทย จากการรุกรานของต่างชาติ เนื้อหาโดยสรุปว่า ในนามภาคประชาชน ขอแสดงความห่วงใย และส่งกำลังใจมาให้นายกฯต่อสถานการณ์ความตึงเครียดและความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา 3 ประเด็น 1.ขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการภายใต้การนำของนายกฯ ด้วยความมุ่งมั่น ยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนไทยจากการคุกคามของต่างชาติ 2.ส่งกำลังใจและแสดงความเชื่อมั่นนายกฯ ในการยืนหยัดปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตย รักษาศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของชาติ และ 3.ขอส่งกําลังใจให้ทหารชายแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแกนนำอ่านแถลงการณ์จบ นายกฯกล่าวขอบคุณ พร้อมระบุถือเป็นขวัญกําลังใจให้คนทํางานทําหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และเกียรติภูมิของประเทศไทย เชื่อว่าขวัญกําลังใจจะช่วยให้เรามุ่งมั่น และมั่นใจอย่างยิ่ง เรามีประชาชนเป็นกำแพงหลังให้เราตลอดเวลา เราไม่มีวันหงายหลังล้มเป็นอันขาด
กร้าวไทยไม่มีวันแพ้-ยันหนุนทหารเต็มที่
“ในการต่อสู้ ตอบโต้และรับมือผู้รุกรานประเทศของเรา ผมให้ความมั่นใจ เพราะผมทํางานใกล้ชิดกับกองทัพและทหาร ยังไม่มีครั้งไหนเลยที่ผู้นําทางทหารของเราจะไม่มั่นใจ ถามกี่ครั้งคําตอบก็คือ ไม่มีวันแพ้ เราไม่อยากจะใช้คําว่าชนะ เพราะเราไม่ได้ไปรุกรานเขา เราเป็นประเทศที่รักสงบแต่ก็ไม่ยอมให้ใครรุกราน แต่ถามว่ากลัวไหม ไม่มีกลัว ถามว่าพร้อมไหม ทหารบอกว่าพร้อมยิ่งกว่าพร้อม และรัฐบาลสนับสนุนทหารเต็มที่”นายอนุทิน กล่าว และยืนยันว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ นายกฯของท่านก็คือคนไทยคนหนึ่ง ที่จะไม่ยอมให้ใครเข้ามารุกรานอธิปไตยของเรา ตนพร้อมสนับสนุนสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องทหารทุกคน ขอให้ทุกท่านมั่นใจ เราดำเนินการเข้ามาจนเข้าเป้าทุกอย่าง ตนไม่อยากใช้คําว่าจบ เพราะคําว่าจบ มันคือความการสูญเสียอะไรหลาย อย่าง เราไม่อยากพูดแบบนั้น เพราะชีวิตของคนไทยหรือใครก็ตาม เราไม่อยากให้สูญเสีย ก็จะพยายามทําให้ดีที่สุดขอให้มั่นใจ เราชนะแน่นอน
ไทยไม่ปิดกั้นเจรจาแต่เขมรต้องรับ3เงื่อนไข
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของอาเซียน สมัยพิเศษ วันที่ 22 ธันวาคมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศจะนำคณะผู้แทนไทยไปประชุม สำหรับการพูดคุยกับกัมพูชา ประเทศไทยไม่เคยปิดกั้นการเจรจา แต่ยึดถือหลักการสำคัญ 3 ประการมาตลอดคือ 1.ขอให้กัมพูชาประกาศหยุดยิง ในฐานะที่เป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของไทย 2.การหยุดยิงดังกล่าวต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง และ3.ให้กัมพูชาแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทย โดยเฉพาะประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน
“ไทยปรารถนาให้เกิดสันติภาพ แต่สันติภาพที่ยั่งยืนต้องควบคู่ไปกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนไทย ซึ่งเป็นหลักการที่รมว.ต่างประเทศชี้แจงกับหลายประเทศ ที่หารือทางโทรศัพท์กับผู้แทนระดับสูงของหลายประเทศและองค์กรสำคัญ อาทิ นางคาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป นายหวัง อี้ รมว.ต่างประเทศของจีน รวมถึงนายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นต้น” นางมาระตีกล่าว
