กกต. ตอบ ปชน. เรียน กศน. ลงส.ส.ได้ แต่ต้องศึกษาในจังหวัดที่สมัคร ไม่น้อยกว่า 5 ปี

กกต. ตอบ ปชน. เรียน กศน. ลงส.ส.ได้ แต่ต้องศึกษาในจังหวัดที่สมัคร ไม่น้อยกว่า 5 ปี

กกต. ตอบ ปชน. เรียน กศน. ลงส.ส.ได้ แต่ต้องศึกษาในจังหวัดที่สมัคร ไม่น้อยกว่า 5 ปี

วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 17.16 น.

กกต.ตอบปชน. เรียนกศน.ลงสมัครสส.ได้ แต่ต้องเรียนจริงในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่ลงสมัครติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา

วันที่ 22 ธันวาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ตอบข้อสอบถามของพรรคประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวกับคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสาระสำคัญคือสำนักงานกกต.เห็นว่าการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือ (กศน.) ถือเป็น “สถานศึกษา” ตามมาตรา 41 (4) (ค)พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ซึ่งการนับปีการศึกษาตามบทบัญญัติดังกล่าวที่กำหนดว่า ” เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า5  ปีการศึกษา” ของบุคคลที่เข้ารับการศึกษาแบบกศน.และประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ก็ให้พิจารณาตามระยะเวลาปีการศึกษาที่ได้ศึกษาจริงในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัคร

ส่วนที่ผู้ประสงค์สมัครสส.แบบแบ่งเขตในจังหวัดหนองคายสอบผ่านระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากหลักสูตรกศน.ที่จังหวัดหนองคายโดยใช้เวลาเข้ารับการศึกษาแต่ละระดับๆละ 6 เดือน ทั้งที่ในการศึกษาแบบสามัญทั่วไปแต่ละระดับโดยปกติใช้ระยะเวลาศึกษา 3 ปีการศึกษา ลักษณะนี้จะถือว่าบุคคลดังกล่าวได้เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดหนองคายเป็นเวลาติดต่อกันรวม 6 ปีการศึกษาและมีคุณสมบัติเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดหนองคาย ตามมาตรา 41 (4) (ค) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 หรือไม่นั้น สำนักงาน กกต.เห็นว่าคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.ตามมาตราดังกล่าวจะต้องเคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีการศึกษา โดยพิจารณาตามระยะเวลาปีการศึกษาที่ได้ศึกษาจริงในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง 

ทั้งนี้ พรรคประชาชนจะต้องพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งให้ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 41 และมาตรา 42 และปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 43 หรือมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน และที่พรรคประชาชนสอบถามว่า ผู้จะสมัครส.สแบบแบ่งเขต ต้องเกิดหรือเคยศึกษาในสถานศึกษาเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีการศึกษา หรือเคยรับราชการหรือปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามแต่กรณี อยู่ในอำเภอหรือกิ่งอำเภอของจังหวัด ๆ หนึ่ง หรือ“จังหวัดเดิม”แต่ต่อมาได้มีการประกาศใช้พ.ร.บ.จัดตั้งจังหวัดขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ โดยมีผลเป็นการแยกอำเภอ หรือกิ่งอำเภอใน “จังหวัดเดิม” ออกจากเขตการปกครองของ “จังหวัดเดิม” มารวมเป็น“จังหวัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่”นั้น คำว่า“จังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง” ตามนัยมาตรา 41 (4) (ข) (ค) และ (ง) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2561 หมายถึง “จังหวัดเดิม” (อันเป็นการอ้างอิงจาก “ชื่อ” ของจังหวัดเดิม เป็นสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง) หรือ “จังหวัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่” (อันเป็นการอ้างอิงตำแหน่งที่ตั้งในทางภูมิศาสตร์ เป็นสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติการสมัครรับเลือกตั้ง)  สำนักงานกกต.พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครเป็นสส.ในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 41 (4) (ข) (ค) และ (ง) พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.  2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 นั้น เป็นไปตามจังหวัดปัจจุบันที่จะนำมาพิจารณาคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส. อย่างไรก็ตามใน2ประเด็นนี้การพิจารณาคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งในเบื้องต้นเป็นหน้าที่และอำนาจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ตามมาตรา 46 หรือกกต.ตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว แล้วแต่กรณี

Leave a comment