
คนกรุงระอา ยังไม่เลือกใครเป็นนายกฯ
วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
คนกรุงระอา ยังไม่เลือกใครเป็นนายกฯ ปชป.เรตติ้งเพิ่มขึ้น4เท่า โพลสวนดุสิต‘เท้ง’มาแรง
กางผลสำรวจนิด้าโพล เผยคนกรุงเทพฯยังไม่ตัดสินใจโหวตให้ใครเป็นนายกฯ ส่วน “เท้ง-พรรคประชาชน” ยังอยู่ที่สอง “อนุทิน-ภูมิใจไทย” ไล่บี้มาติดๆ ด้าน“ประชาธิปัตย์” กระแสดีเพิ่มเกือบ 4 เท่า ขณะที่สวนดุสิตโพล ระบุ“ณัฐพงษ์”ขึ้นเบอร์หนึ่งนายกฯคนต่อไปตามมาด้วย‘ยศชนัน’
เมื่อวันที่ 21ธันวาคม2568ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร” สำรวจระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพฯทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพฯจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 47.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 16.95 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 3 ร้อยละ 10.90 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 9.00 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์)
อันดับ 5 ร้อยละ 2.75 ระบุว่าเป็น พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 2.25 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 2.15 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 1.65 ระบุว่าเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล (พรรคประชาชน) อันดับ 9 ร้อยละ 1.35 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 10 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย)
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพฯจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.20 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 26.25 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 10.05 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 4 ร้อยละ 9.55 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย
อันดับ 6 ร้อยละ 1.95 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคเศรษฐกิจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 7 ร้อยละ 1.20 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.90 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทยภักดี พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้าธรรม พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อไทรวมพลัง เป็นต้น
ด้านนายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอขอบคุณประชาชนชาวกรุงเทพฯต่อผลการสำรวจ “กระแสการเมืองกรุงเทพมหานคร” ล่าสุดของนิด้าโพล ที่สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นต่อพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคะแนนนิยมขยับสูงขึ้นเกือบ 4 เท่า เมื่อเทียบกับผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
นายพงศกร กล่าวว่า ผลโพลครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขทางการเมือง แต่เป็นสัญญาณของความไว้วางใจ และการเปิดใจของคนกรุงเทพฯ ที่ให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง พรรคประชาธิปัตย์ขอขอบคุณพี่น้องคน กทม.ที่เปิดใจ และมอบความไว้วางใจให้พรรคถือเป็นกำลังใจสำคัญของพวกเราทุกคน ทำงานด้วยความรับผิดชอบต่อความหวังของประชาชน เพราะตระหนักดีว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ตัดสินใจ และยังมองหาพรรคการเมืองที่สามารถเป็นความหวังใหม่ของกรุงเทพฯ ได้อย่างแท้จริง
“พรรคประชาธิปัตย์พร้อมพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน จึงขอโอกาสจากคนกรุงเทพฯ อีกครั้ง ให้เราได้กลับมารับใช้ ดูแล และทำงานเพื่อตอบโจทย์คน กทม. และเมืองนี้ด้วยการเมืองสุจริต การทำงานแบบมืออาชีพ และความจริงใจต่อประชาชนทุกคน”นายพงศกร กล่าว
ขณะเดียวกันสวนดุสิตโพลมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 2569” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,232 คน สำรวจทางออนไลน์และภาคสนามระหว่างวันที่ 16 19 ธันวาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคประชาชน ร้อยละ 24.55 รองมา คือ เพื่อไทย ร้อยละ 21.62 และภูมิใจไทย ร้อยละ 16.04
ทั้งนี้บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปคือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ปชน.) ร้อยละ 23.97 นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พท.) ร้อยละ 21.95นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ภท.) ร้อยละ 16.25
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า พรรคประชาชนยังนำทั้งในระดับพรรคและตัวบุคคล ขณะที่เพื่อไทยการยกเครื่องอาจยังไม่เห็นผลชัดแต่การรีแบรนด์ผ่านตัวบุคคลที่มาพร้อมความสดใหม่ทำให้ดึงคงคะแนนกลับมาได้ ด้านภูมิใจไทยแม้แนวโน้มคะแนนลดลง แต่ช่องว่างยังไม่มากและมีโอกาสพลิกเกม
“ เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นฐาน อีกฝ่ายมีความสดใหม่เป็นแรงส่ง และอีกฝ่ายมีความได้เปรียบทรัพยากร การช่วงชิงจังหวะจากนี้จึงเป็นการบ้านที่ทุกพรรคเร่งทำเพื่อส่งประชาชนให้ทันวันเลือกตั้ง”ประธานสวนดุสิตโพล ระบุ
ขณะที่ ผศ.อัญชลี รัตนะ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุลิต วิเคราะห์ว่า แนวโน้มการตัดสินใจของประชาชนไทยต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถูกหล่อหลอมด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความต้องการการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง และความต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่จับต้องได้จริง
ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2568 ทั้งความชัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านและภัยธรรมชาติ เมื่อแยกเป็นประเด็นย่อยต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง พบว่า ประชาชนให้น้ำหนักกับอุดมการณ์ที่ลอดอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยและการเสนอทางออกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
“การเลือก สส. แบบแบ่งเขตยังเป็นพื้นที่ของการพึ่งพาและความไว้วางใจในตัวบุคคล ผู้สมัครที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพาในยามวิกฤตหรือมีการดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มักจะได้รับความนิยมสูงกว่ากระแสพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนการเลือกผู้นำประเทศ ประชาชนยังคงมองหาบุคคคลที่มีส่วนผสมของความรอบรู้เท่าทันโลกยุคดิจิทัลและมีความสามารถในการบริหาร จัดการปัญหาปากท้องและหนี้ครัวเรือนอย่างเบ็ดเสร็จ”ผศ.อัญชลีกล่าวย้ำ
