‘สมช.’เคาะผุดวอร์รูม‘โดรนแห่งชาติ’ เตือนบินในพื้นที่อันตรายโทษถึงประหาร

‘สมช.’เคาะผุดวอร์รูม‘โดรนแห่งชาติ’ เตือนบินในพื้นที่อันตรายโทษถึงประหาร

‘สมช.’เคาะผุดวอร์รูม‘โดรนแห่งชาติ’ เตือนบินในพื้นที่อันตรายโทษถึงประหาร

วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.19 น.

‘สมช.’เตือนใช้‘โดรน’ในพื้นที่อันตราย มีโทษประหารชีวิต ตั้งศูนย์จัดการ‘โดรนแห่งชาติ’ ชี้วงถกรมต.อาเซียน จบปัญหาได้ ต้องเป็นการหารือทวิภาคี

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 22 ธันวาคม 2568 ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสมช. แถลงผลการประชุมสมช. ครั้งที่ 17/2568 ว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีพบโดรนที่เข้ามาในพื้นที่จุดสำคัญ ต่างๆ ทั้ง พื้นที่สนามบิน และจังหวัดชายแดน เนื่องจากมีการพบโดรนจำนวนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ สำนักงานการบินพลเรือน ได้ออกประกาศกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. ในพื้นที่จังหวัดชายแดน และสนามบินสำคัญทั่วประเทศ ที่ประชุมวันนี้มีมติที่สำคัญ  2 ส่วน คือ มาตรการระยะเร่งด่วน และมาตรการระยะยาว

สำหรับมาตรการเร่งด่วน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานการบินพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการจัดการกับโดรนเป้าหมายที่เข้ามาในพื้นที่ รวมถึงกำหนดมาตรการป้องกันสืบสวนสอบสวนและแอนตี้โดรน เพื่อประสานงานอย่างใกล้ชิดและให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ให้กระทรวงกลาโหมผ่อนคลายมาตรการในการอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาแอนตี้โดรนได้ ที่เป็นยุทธภัณฑ์จึงต้องขออนุญาตกองทัพ ใช้เตรียมการให้มีไว้ป้องกันพื้นที่ ให้มีการเข้มงวดในการนำเข้า และตรวจสอบการลักลอบนำเข้าโดรน และประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่าการบินโดรน เข้ามาในพื้นที่ความมั่นคงมีโทษร้ายแรงโดยเฉพาะสนามบิน ที่มีโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต หากมีการใช้โดรน และพบว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงก็ถือว่ามีมีความผิดตามกฎหมายอาญาด้วย

สำหรับมาตรการระยะยาว ก่อนหน้านี้มติสมช.เคยมีมติให้กองทัพอากาศเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพ โดยการดำเนินการ จัดตั้งเป็นองค์กรขึ้นมา คือ ศูนย์บริหารจัดการควบคุมต่อต้านอากาศยานไม่มีคนขับแห่งชาติ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัยในอนาคตรวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมในการใช้เครื่องมือดังกล่าวซึ่งเป็นทักษะขั้นสูง และเห็นชอบทบทวนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเรื่องของการเพิ่มโทษในกรณีที่มีการใช้โดรนที่กระทบต่อความมั่นคง

นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนเพื่อพูดถึงปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาวันนี้ที่ประเทศมาเลเซีย เป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายต่างๆเข้ามาขับเคลื่อน แต่ที่ประชุมได้ยืนยันหลักการตามที่เคยมีมติสมช.ไปแล้วว่า เป้าหมายปลายทางสุดท้ายต้องเป็นการหารือทวิภาคีไทยกัมพูชา

เมื่อถามว่าการจบปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ต้องจบที่การหารือระหว่างไทย-กัมพูชา ใช่หรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ใช่ครับ

Leave a comment