เอกอัครราชทูต สปป.ลาว มอบ 2 แสนเหรียญสหรัฐ ช่วยฟื้นฟูอุทกภัยใต้

เอกอัครราชทูต สปป.ลาว มอบ 2 แสนเหรียญสหรัฐ ช่วยฟื้นฟูอุทกภัยใต้

เอกอัครราชทูต สปป.ลาว มอบ 2 แสนเหรียญสหรัฐ ช่วยฟื้นฟูอุทกภัยใต้

วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 12.54 น.

อุทกภัยใต้ ย้ำความสัมพันธ์ไทย-สปป.ลาว ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกัน

23 ธันวาคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่ห้องรับรอง ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสีสะหวาด อินพะจัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูต สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ เชื่อมั่นว่า ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในประเทศไทยเป็นอย่างดีของเอกอัครราชทูต สปป.ลาว จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-สปป.ลาว ให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยไทยให้ความสำคัญกับ สปป.ลาว อย่างมาก ในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น บนพื้นฐานของวัฒนธรรมประเพณีที่คล้ายคลึงกัน ไทยจึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับ สปป. ลาว ให้รอบด้านและมีความใกล้ชิดมากขึ้น 

ด้านเอกอัครราชทูต สปป.ลาว แสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และแสดงความเสียใจต่อเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ของไทย โดยรัฐบาล สปป.ลาว ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาล สปป.ลาว ที่ให้ความช่วยเหลือไทยในยามที่เผชิญเหตุอุทกภัย พร้อมกันนี้ เอกอัครราชทูต สปป.ลาว เน้นย้ำความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีระหว่างกันให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะการผลักดันการบรรลุเป้าหมายทางการค้าระหว่างกัน 

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้

ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยกับ สปป.ลาว เป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ซึ่งมีการค้าขาย และไปมาหาสู่ระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงระหว่างกันมากขึ้น และในปีนี้ เป็นปีครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สปป. ลาว ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษนี้มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เอกอัครราชทูต สปป.ลาว หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดันให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission – JC) ระหว่างกัน ในปี 2569 โดย สปป.ลาว พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว

ด้านความเชื่อมโยงและโลจิสติกส์ ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการฉลอง 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สปป. ลาว ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงผู้คน เสริมสร้างความใกล้ชิด ตลอดจนขยายโอกาสด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมสนับสนุนนโยบาย Land-Locked-to-Land-Linked ของ สปป.ลาว โดยหวังว่า ภายหลังการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 อย่างเป็นทางการ สปป.ลาว จะผลักดันการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ระหว่างจังหวัดหนองคายกับนครหลวงเวียงจันทน์ให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมโดยเร็ว 

สำหรับประเด็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายกรัฐมนตรีขอบคุณท่าทีของ สปป.ลาว พร้อมเน้นย้ำถึงการรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่บริเวณชายแดนหลายครั้ง และยืนยันว่าไทยไม่เคยรุกรานกัมพูชาก่อน แต่ไทยจำเป็นต้องตอบโต้กัมพูชาที่มารุกรานไทยตามความเหมาะสมทางภูมิประเทศ ทั้งนี้สำหรับมาตรการการควบคุมการส่งออกน้ำมัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดการส่งออกน้ำมันไปยัง สปป. ลาว พร้อมย้ำว่า ประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นปัญหาในระดับทวิภาคีเท่านั้น

Leave a comment