ตรงๆไม่อ้อมค้อม! ‘อภิสิทธิ์’ชัดเจน กล้าประกาศไม่เอา’กล้าธรรม’

ตรงๆไม่อ้อมค้อม! 'อภิสิทธิ์'ชัดเจน กล้าประกาศไม่เอา'กล้าธรรม'

ตรงๆไม่อ้อมค้อม! ‘อภิสิทธิ์’ชัดเจน กล้าประกาศไม่เอา’กล้าธรรม’

วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 08.42 น.

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความระบุว่า อภิสิทธิ์ กล้าประกาศ ไม่เอากล้าธรรม

ถ้าใครได้ติดตามเวทีประชันวิสัยทัศน์ หรือเวทีดีเบต ที่จัดโดยไทยรัฐทีวี ซึ่งเป็นเวทีแรกที่เปิดให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆ จำนวน 8 คน 8 พรรค ได้มาแสดงวิสัยทัศน์หรือจุดยืนทางการเมืองของแต่ละคน ของแต่ละพรรค ซึ่งไฮไลท์สำคัญอยู่ที่พิธีกรในรายการ คือคุณกาย พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ ได้ตั้งคำถามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนในคำถามเดียวกันว่า มีเงื่อนไขจะจับมือหรือไม่จับมือกับพรรคการเมืองใดบ้างในการเป็นรัฐบาล ส่วนใหญ่จะมีการตอบคำถามในลักษณะสงวนท่าที ตอบแบบกั๊กบ้าง ตอบแบบคลุมเครือบ้าง ไม่ฟันธงบ้าง แบบสไตล์การเมืองเดิมๆ ที่ถนอมน้ำใจประนีประนอม ไม่กล้าฟันธง โดยพยายามหลีกเลี่ยงระบุชื่อของพรรคการเมือง แต่จะตอบในลักษณะเรื่องไม่ร่วมกับพรรคทุนสีเทา พรรคที่มีคอรัปชั่น พรรคที่ขายชาติ ฯลฯ

แต่ในจำนวน 8 คนที่ตอบคำถามนี้ถูกใจผมมากที่สุด คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความชัดเจน ฟันธงอย่างไม่อ้อมค้อม และประกาศชัดว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม ซึ่งมีการเอ่ยชื่อพรรคชัดเจน ซึ่งเป็นจุดแข็งของนายอภิสิทธิ์ และการที่นายอภิสิทธิ์ประกาศว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรมนั้น ทำให้สังคมเชื่อถือ สังคมมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์พูดจริงและปฏิบัติได้ เพราะในอดีตที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์เคยประกาศสมัยเลือกตั้งปี 2562 ว่าจะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังจากการเลือกตั้งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จนทำให้นายอภิสิทธิ์ประกาศลาออกจากตำแหน่งส.ส. เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ถือว่าเป็นนักการเมืองที่มีสัจจะ ซึ่งหาได้ยากในการเมืองยุคปัจจุบัน ที่มีแต่นักการเมืองศสับปลับ ตระบัดสัตย์ หวังประโยชน์เพื่อตัวเองเท่านั้น

เพราะฉะนั้นนี่คือเวทีแรกของการดีเบตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง แต่น่าเสียดายที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย และพรรคกล้าธรรมไม่เข้าร่วมในรายการดีเบตครั้งนี้ ปล่อยให้เก้าอี้ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคทั้ง2ว่างลง ถ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้พรรคการเมืองที่ไม่ส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาประชันวิสัยทัศน์จะเสียโอกาส และประชาชนที่ติดตามการเมือง รอฟังวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็จะเสียโอกาสไปด้วย

จึงอยากจะให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของทุกพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับ1 ถือว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริง ส่วนอันดับ2 อันดับ3 ถือว่าเป็นตัวสำรอง ซึ่งประชาชนอยากจะฟังแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตัวจริงของพรรคการเมืองมากกว่าตัวสำรอง

นี่คือครั้งแรกของเวทีการประชันวิสัยทัศน์และเชื่อว่า ยังมีครั้งต่อไปของสื่อสำนักต่างๆ หรือเวทีต่างๆ จัดการประชันวิสัยทัศน์กันอีก และประชาชนจะได้รับฟังข้อมูล เพื่อนำมาพิจารณาในการตัดสินใจว่า ใครควรจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยคนต่อไป

Leave a comment