จากผู้ล่าสู่อาหาร: วิกฤตหมีในญี่ปุ่นจุดกระแสบริโภคเนื้อหมี

จากผู้ล่าสู่อาหาร: วิกฤตหมีในญี่ปุ่นจุดกระแสบริโภคเนื้อหมี

24 ธ.ค. 2568 12:40 น.

จากผู้ล่าสู่อาหาร: วิกฤตหมีในญี่ปุ่นจุดกระแสบริโภคเนื้อหมี

ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับเหตุการณ์หมีทำร้ายคนจนมีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 13 ศพในปีนี้ แต่กลับเกิดปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอาหาร เมื่อ “เนื้อหมี” กลายเป็นเมนูยอดนิยมที่ผู้คนพากันไปลิ้มลองตามร้านอาหารตั้งแต่มหานครโตเกียวไปจนถึงเกาะฮอกไกโด

โคจิ ซูซูกิ เจ้าของร้านอาหารวัย 71 ปี ในเมืองชิชิบุ ใกล้กรุงโตเกียว เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีข่าวหมีบุกรุกบ้านเรือนและโรงเรียนบ่อยครั้ง จำนวนลูกค้าที่สั่งเนื้อหมีปรุงสุกบนหินร้อนหรือหม้อไฟก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนเขาต้องปฏิเสธลูกค้าหลายรายเนื่องจากโต๊ะเต็ม

ซูซูกิกล่าวว่า “ในฐานะพรานและเจ้าของร้าน ผมคิดว่าการนำเนื้อของพวกมันมาปรุงอาหารเป็นการแสดงความเคารพต่อชีวิต มากกว่าการนำไปฝังทิ้งเฉยๆ” 

เช่นเดียวกับที่เมืองซัปโปโร เชฟคิโยชิ ฟูจิโมโตะ จากร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรู ได้นำเนื้อหมีสีน้ำตาลมาทำเป็นเมนู “กงซอมเม่” หรือซุปใสสไตล์ฝรั่งเศส และสเต็กซอสไวน์แดง ซึ่งมีราคาสูงถึงชุดละประมาณ 2,170 บาท  โดยเขาระบุว่าผู้ที่ได้ลองชิมส่วนใหญ่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “อร่อยและนุ่มกว่าที่คิด”

ปีงบประมาณนี้ถือเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับญี่ปุ่น โดยมีผู้เสียชีวิตจากหมีแล้ว 13 ราย มากกว่าสถิติเดิมถึง 2 เท่า นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าสาเหตุเกิดจากจำนวนประชากรหมีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จำนวนประชากรมนุษย์ลดลง ประกอบกับปัญหาพืชพรรณในป่า เช่น ลูกนัท ขาดแคลน ทำให้หมีต้องออกมาหาอาหารในเขตชุมชน

รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาตรการตอบโต้อย่างรุนแรง โดยส่งทั้งทหารและตำรวจปราบจลาจลเข้าช่วยสนับสนุนการล่าและวางกับดัก ในช่วงครึ่งปีแรกมีการกำจัดหมีไปแล้วกว่า 9,100 ตัว ซึ่งมากกว่ายอดรวมของทั้งปีที่แล้ว

กระทรวงเกษตรญี่ปุ่นมองเห็นโอกาสในการเปลี่ยน “สัตว์รบกวน” ให้กลายเป็น “ทรัพยากร” โดยเตรียมงบประมาณอุดหนุนกว่า 1.84 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 3,660 ล้านบาท) เพื่อควบคุมประชากรหมีและส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าให้เป็นรายได้เสริมแก่ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญในปัจจุบันคือ “โรงงานแปรรูป” ที่ได้รับอนุญาตยังมีไม่เพียงพอ ทำให้ซากหมีจำนวนมากยังต้องถูกฝังทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันญี่ปุ่นมีโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ป่า เพียง 826 แห่งทั่วประเทศ และมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วิกฤตทางตอนเหนือ

ทั้งนี้ หมีสีน้ำตาลพบเฉพาะในเกาะฮอกไกโด โดยจำนวนเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบันมีราว 11,500 ตัว ส่วนหมีดำญี่ปุ่น พบกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ เฉพาะเกาะฮอกไกโด ตั้งเป้ากำจัดหมีให้ได้ปีละ 1,200 ตัว ตลอด 10 ปีข้างหน้าเพื่อความปลอดภัยของประชาชน.

ที่มา AFP

Leave a comment