
25 ธ.ค. 2568 14:28 น.
- ข่าว
- ต่างประเทศ
- ไทยรัฐออนไลน์
เศรษฐีใหม่รับคริสต์มาส ลอตเตอรีพาวเวอร์บอลแตกที่รัฐอาร์คันซอ คว้าแจ็กพอต 5.6 หมื่นล้านบาท
ตั๋วลอตเตอรีพาวเวอร์บอลที่ขายในรัฐอาร์คันซอ คว้าแจ็กพอตมหาศาล 1.817 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 56,480 ล้านบาท จากการออกรางวัลงวดคืนคริสต์มาสอีฟ หลังไม่มีผู้ถูกรางวัลยาวนานกว่า 3 เดือน นับเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดของเพาเวอร์บอลปี 2025 และมากเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยผู้ถูกรางวัลมีทางเลือกรับเงินก้อน 834.9 ล้านดอลลาร์ก่อนหักภาษี
สำนักงานลอตเตอรีพาวเวอร์บอล ประกาศผลการออกรางวัลประจำคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ โดยปรากฏว่ามีผู้ซื้อสลากจากรัฐอาร์คันซอเพียงรายเดียวที่ถูกรางวัลแจ็กพอต หลังไม่มีผู้ถูกรางวัลใหญ่มานานกว่า 3 เดือน โดยหมายเลขที่ออกได้แก่ 04, 25, 31, 52, 59 และหมายเลขพาวเวอร์บอล คือ 19
แรงซื้อสลากในช่วงโค้งสุดท้ายส่งผลให้มูลค่าเงินรางวัลพุ่งสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก โดยสรุปยอดรวมแจ็กพอตอยู่ที่ 1.817 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 56,480 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นเงินรางวัลแจ็กพอตที่ใหญ่ที่สุดของปี 2025 เงินรางวัลที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ลอตเตอรีของสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ผู้โชคดีสามารถเลือกรับเป็นเงินสดก้อนเดียวก่อนหักภาษี มูลค่า 834.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 25,953 ล้านบาท)
แมตต์ สตรอว์น ประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์บอล กล่าวแสดงความยินดีว่า “นี่คือรางวัลที่จะเปลี่ยนชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ขอขอบคุณผู้เล่นทุกคนที่ร่วมสนุก เพราะทุกใบที่ซื้อมีส่วนช่วยสนับสนุนโครงการและบริการสาธารณะทั่วประเทศ”
สถิติที่น่าสนใจจากการถูกรางวัลครั้งนี้ประกอบด้วยเป็นการถูกแจ็กพอตหลังจากไม่มีใครถูกรางวัลติดต่อกันถึง 46 งวด ครั้งสุดท้ายคือ 6 ก.ย. 2025 นอกจากนั้น ยังนับเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของรัฐอาร์คันซอที่มีผู้ถูกรางวัลแจ็กพอต โดยครั้งแรกเกิดเมื่อปี 2010 และเป็นการถูกรางวัลใหญ่ในวันคริสต์มาสอีฟครั้งแรกในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2011
พาวเวอร์บอลออกแบบมาให้แจ็กพอตสะสมจนมีมูลค่ามหาศาล เนื่องจากโอกาสในการถูกรางวัลใหญ่มีเพียง 1 ใน 292.2 ล้าน เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สลากระบุว่าโอกาสในการถูกรางวัลสมนาคุณอื่นๆ ที่เล็กลงมานั้นมีสูงกว่ามาก
ปัจจุบันสลากพาวเวอร์บอลจำหน่ายในราคาใบละ 2 ดอลลาร์ ครอบคลุมพื้นที่ 45 รัฐ รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี., เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐฯ.
ที่มา AP